หน้าแรก    • ธนาคารกลาง  • ห้องแช็ท  • วิทยุออนไลน์  • ช่วยเหลือ  • ค้นหา  • เข้าสู่ระบบ  • สมัครสมาชิก  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 12 ผู้มาเยือน (ตอนท้าย)  (อ่าน 19421 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ว่างเปล่า...

ทร่ามกลางหมู่ดาวมากมาย มีเพียงดาวดวงเดียวที่ส่องสว่าง นั้นก็คือ...เธอ

ฉันอยากไปยังที่แห่งหนึ่ง

หญิง Thailand
 184
 101
 100



Windows 7/Server 2008 R2 Firefox 3.6.4
« เมื่อ: ธันวาคม 01, 2554, 11:23:49 AM »

ตอนที่ 12 ผู้มาเยือน (ตอนท้าย)


          เช้าวันใหม่ได้มาเยือนอีกครา อาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้าอยู่บนฟากฟ้านภาลัย แสงแดดยามเช้าอันแสนอบอุ่นส่องลงมากระทบผิวน้ำ
ของน้ำตกที่อยู่ในเขตป่ากรีนแลนด์ของโรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์ยูนิคอรอส  ซึ่งชายหนุ่มหน้าหวานกำลังทำท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย
แต่เขาก็ยังไม่ละเลยการฝึกฝนศาสตราเวทย์ที่ได้รับมาจากท่านมหาเวทย์เซอุส และ...เสด็จแม่ของเขาเป็นผู้หยิบยื่นมันมอบให้เขา
ด้วยตัวของท่านเอง

          หลังจากการยุติการแข่งขันศึกระหว่างหอรอบที่สอง มันเป็นการยุติเพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้ก่อตั้งโรงเรียน
แห่งนี้ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในรุ่งสางของอีกวัน

          จากการเกิดเหตุการณ์ลอบทำร้ายโดยบุคคลปริศนาที่ลักลอบเข้ามาจากภายนอก เขาเกือบจะคร่าชีวิตศิษย์เมจขั้นต้นและ
เมจขั้นรอง ทำให้ผู้มีอำนาจการปกครองสูงสุดอย่างท่านมหาเวทย์เซอุสเปิดการประชุมด่วน ว่าด้วยเรื่องการแข่งขันศึกระหว่างหอ
และเรื่องบุคคลปริศนา นี่ก็ผ่านมาเป็นเวลา 2 วันเข้าไปแล้ว เหล่าเมจทั้งหลายต่างเฝ้ารอฟังข่าวคราวจากการประชุมครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ

          หนุ่มหน้าหวานคนนี้ก็เฝ้ารออยู่เช่นกัน แม้ว่าจะอยากรู้มากมายแค่ไหน สุดท้ายก็ทำได้แค่เพียงแต่รอเท่านั้น มันเป็นเรื่องที่ต้องทำใจ
ร้อนรนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว แต่มีเรื่องที่ก่อกวนจิตใจเขาอยู่อีกเรื่องหนึ่ง ตัวเขาเองอาจจะ
ไม่รู้ตัวเลยก็เป็นได้ คำว่าความรักได้ก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันอาจจะเริ่มตั้งแต่แรกพบ หรืออาจจะค่อยๆ ก่อเกิดทีละเล็ก ทีละน้อย
ในทุกๆ วันที่เคียงใกล้

          ในระหว่างที่หนุ่มหน้าหวานกำลังนั่งพักหลังจากการฝึกซ้อมด้วยท่าทีเหม่อลอยอยู่นั้น มีบุรุษผู้หนึ่งกำลังคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย
อยู่ห่างๆ ว่าเขาควรจะเดินเข้าไปทักทายดีไหม ใจจริงเขาอยากจะเข้าไปทักมากกว่า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทักทายยังไงและต่อจากนั้นจะพูดอะไรดี
จนกระทั้งเสียงๆ หนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาทของเขา

          “นี่คือการประกาศจากทางโรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์ยูนิคอรอสค่ะ ดิฉัน  ไลล่า ซาแมนดร้า รองประธานเมจขั้นสูง ได้รับคำสั่งจาก
ท่านมหาเวทย์เซอุส แอนโดรเมส และคณาจารย์แมจิกทุกท่าน ให้ดำเนินการรวมพลเมจทุกลำดับขั้น ดังนั้น ขอให้ทุกคนมารวมตัวกันที่
หอประชุมของทางโรงเรียน ภายในเวลาไม่เกิน 30 นาทีด้วยค่ะ ทั้งนี้ห้ามลา ห้ามขาด ห้ามมาสายเป็นอันขาดค่ะ ขอบคุณค่ะ”

          ไลล่า ซาแมนดร้า เป็นหนึ่งในผู้มีความสามารถด้านการติดต่อสื่อสารผ่านทางกระแสจิต โดยทั่วไปแล้วผู้มีความสามารถด้านนี้
ก็มีกันเกลื่อนทั่วไป เมจหลายคนก็สามารถทำการติดต่อกันได้ แต่ก็แค่ในขอบเขตที่ไม่ไกล แต่สำหรับเธอความสามารถนี้เรียกว่าอยู่ใน
ระดับขั้นสูงสุด เธอสามารถติดต่อคนทั้งโรงเรียนได้ในชั่วพริบตา ซ้ำยังมีอาณาบริเวณการติดต่อที่กว้างมากอย่างน่าตกใจ เธอจึงได้รับ
การขนานนามเหมือนกับบุคคลที่มีความสามารถเฉกเช่นนี้ในอดีตว่า ‘ทูตถือสารจากพระเจ้า’

          “หอประชุม...สินะ”  หนุ่มหน้าหวานกล่าวก่อนจะลุกขึ้น

          การลุกขึ้นของเขาทำให้ฝ่ายบุรุษที่ยืนเก้ๆ กังๆ แอบสะดุ้งเล็กน้อยถึงปานกลาง และเมื่อหนุ่มหน้าหวานหันมาเห็นเขาเข้า
เขาก็แทบจะหยุดหายใจ

          “...? ” หนุ่มหน้าหวานมองเขาอย่างฉงนสนเท่

          แต่หนุ่มหน้าหวานก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ค่อยๆ เดินไปทางเขา และค่อยๆ เดินใกล้เข้าไปทุกที ทุกที แล้วก็เดินผ่านเขาไป
บุรุษคนนั้นก็ได้แต่หายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ เหมือนมีใครเอามือที่อุดจมูกเขาไว้ออก แต่ที่ไหนได้กลับเกิดเหตุการณ์
ไม่คาดฝันขึ้นแบบที่เขาไม่ทันตั้งตัว

          “นี่...ไม่รีบไปจะดีเหรอ ทำให้คนอย่างทูตถือสารจากพระเจ้าองค์ลงน่ะ ไม่น่าพิสมัยเลยนะ ต่อให้เจ้าไวแค่ไหนมันก็ช่วยอะไร
เจ้าไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้น...”

           หนุ่มหน้าหวานหวนกลับมากล่าวแก่บุรุษที่เขาเดินผ่านมาเมื่อครู่ ก่อนจะเดินลิ่วไปหลังจากกล่าวจบ สำหรับบุรุษคนนี้แล้ว
คงเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพที่ดี ตอนนี้หัวใจของเขามันเอาแต่เต้นรัวจนเหมือนคนกำลังจะหัวใจวายตายเสียให้ได้ แต่กลับรู้สึกยินดีเสียเหลือเกิน

          “...ควรจะรีบไปสินะ”

          บุรุษก็ได้แต่ตอบสั้นๆ กับตัวเอง ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตามหนุ่มหน้าหวานคนนั้นไปจนเกือบจะกระชั้นชิด

          “จะเป็นไรไหมถ้าข้าจะถามชื่อของเจ้า...” บุรุษที่เดินตามมาติดๆ เอ่ยปากถาม

          “ก็ไม่เป็นอะไรนี่ ชื่อของข้ามันก็แค่คำไม่กี่คำ” หนุ่มหน้าหวานกล่าวตอบ

          “หึ หึ” เสียงหัวเราะเบาๆ ที่หลุดลอดออกมาจากลำคอของบุรุษที่เอ่ยถาม

          “นั่นเจ้ากำลังหัวเราะเหรอ หัวเราะออกมาดังๆ ก็ได้ ไม่มีใครว่าเจ้าหรอก”

          หนุ่มหน้าหวานกล่าวเมื่อเห็นบุรุษผู้นั้นทำท่าเหมือนกับหัวเราะกับคำพูดของเขา แต่เหมือนจะฝืนเอาไว้ไม่ให้หัวเราะออกมา

          “แล้วตกลงวันนี้ข้าจะได้รู้ชื่อของเจ้าไหม”

          บุรุษเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเขาคิดว่าหนุ่มหน้าหวานกำลังจะลืมบอกชื่อกับเขา

          “อาร์เทมิส เซเรน นั่นคือชื่อของข้า แต่ถ้าเจ้าจะเรียกข้า เรียกแค่ อาร์ดิส ก็พอ”

          หนุ่มหน้าหวานอาร์ดิส ผูกมิตรกับหนุ่มอีกคนซะแล้ว แต่การมีมิตรมันก็ดีกว่าการมีศัตรู อันนี้น่ายกย่องส่งเสริม

          “ที่เจ้าพูดคุยกับข้าแบบนี้...”  บุรุษยังคงไม่หายสงสัยจึงเอ่ยปากถามต่อ

          “ทำไม...”  อาร์ดิสถามย้อนกลับ

          “เจ้าไม่เกลียดข้างั้นหรือ”  

          บุรุษเอ่ยถามคำถามที่เขารู้สึกปวดใจแปลบๆ แต่เขาก็ต้องการอยากรู้คำตอบ

          “แล้วเจ้าล่ะ ไม่เกลียดข้าหรือไง”  

          อาร์ดิสจึงถามย้อนกลับด้วยคำถามเดิม แบบที่บุรุษผู้นั้นถามเขา ทั้งๆ ที่ตนก็ยังเดินนำหน้าต่อไปอยู่อย่างนั้น

          คำตอบของอาร์ดิสทำให้บุรุษดังกล่าวไม่สามารถปริปากตอบอะไรออกไป และก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อไปอีก นั่นก็เพราะ
เขารู้อยู่เต็มอก ว่าไม่มีส่วนไหนของความรู้สึกเขา ที่เกลียดคนที่เดินนำหน้าอยู่เลย

          ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็มาถึงหอประชุมของโรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์ยูนิคอรอส

          บรรดาเมจมากหน้าหลายตาต่างมารวมตัวกันอย่างล้นหลาม เรียกได้ว่าจะหาช่องทางเข้าก็ยังลำบาก หากแต่เมจทั้งหลาย
ก็ยังทยอยกันเข้ามาสู่หอประชุมจนใกล้จะครบองค์ประชุมแล้ว

           ที่นั่งข้างเฮเรียสยังคงว่างเว้นไว้อยู่ให้แก่คนผู้หนึ่ง ถัดมาจากที่ว่างนั้นเป็นเซอเพนที่นั่งริมนอก ซึ่งกลายเป็นที่ประจำของ
พวกเขาเวลามาที่หอประชุมแห่งนี้ นับตั้งแต่วันปฐมนิเทศเมจขั้นต้นที่เหมือนเพิ่งผ่านวันนั้นมาได้ไม่นาน วันเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
และความแน่นแฟ้นก็ก่อตัวขึ้นตามกาลเวลา

           “ไงจ๊ะหนุ่มๆ อ้าวอาร์ดิสผู้แสนน่ารักหายไปไหน”

          ดาเนอี และฟรานซิสเดินเข้ามาทักทายก่อนเพื่อน ในขณะที่อัลกอลเพิ่งจะผ่านพ้นประตูเข้ามาติดๆ

          “พวกข้าก็ตามหาตัวอยู่เหมือนกัน แต่ไม่พบเนี่ยสิ และ...(มีบางคนมันกาลังจะคลั่งเพราะหาไอ้หมอนั่นไม่เจอ)”

          เซอเพนกล่าว พร้อมกับเหล่ตาให้ดูสีหน้าเจ้าชายรูปงามนามเฮเรียส

          “อะ..อ่อ อย่างงั้นเองเหรอ เหอะๆ เดี๋ยวก็คงจะมาแหละนะ อย่าเป็นกังวลไปเลย...เฮเรียส”

          ฟรานซิสพอเห็นสีหน้าเฮเรียสก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังไม่สบอารมณ์อย่างรุนแรง ดาเนอีก็รู้สึกแบบเดียวกับฟรานซิสเหมือนกัน
ทั้งสองก็ได้แต่ยิ้มแบบแห้งๆ ขณะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

          อัลกอลที่พึ่งจะมาสบทบเหมือนจะหูปีศาจมาก ได้ยินคำพูดของเพื่อนอย่างฟรานซิส ก็เลยหวังจะช่วยแก้สถานการณ์ให้มันดีขึ้น

          “ถ้าหมายถึงอาร์ดิสล่ะก็ ข้าเห็นอยู่ตรงบันไดหน้าหอประชุมแล้วล่ะ รู้สึกว่าจะมาพร้อมกับประธานเมจขั้นต้นหอโครนัสที่ชื่อว่า
โจฮัน น่ะนะ ยังไงเสียก็มาทันเวลาไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”

          คำพูดของอัลกอลแทนที่มันจะทำให้บรรยากาศภายในหอประชุมร่มรื่นขึ้น กลับทำให้มันยิ่งน่าขนลุกเข้าไปอีก ซ้ำยังยิ่งดูเลวร้าย
กว่าเดิมเป็นเท่าตัว
 
          “ว่าไงนะ!!.....”

          เกิดการประสานเสียงกันอย่างลงตัวของ เซอเพน ดาเนอี และฟรานซิส ในทันใด พร้อมกับรังสีอำมหิตที่แผ่ขยายวงกว้างขึ้น

          อนึ่งมาจาก ชายรูปงามนามเฮเรียส และไม่ใกล้ไม่ไกลมากนักที่พอจะได้ยินคำกล่าวสนทนาเหล่านั้นในมุมนั่งของหอไกอา
เขาที่ชื่อว่าคอร์วีแด ก็ได้ยินเรื่องที่กลุ่มไดอาน่ากล่าวเฉกเช่นกัน ถ้าเป็นไปได้สองคนนี้คงจะกำลังระเบิดพลังซุปเปอร์ไซย่าออกมา
หรือเข้าทำนองคำพูดที่บางคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง ที่กล่าวว่า ‘จงเผาผลาญเข้าไปสิ...พลังคอสโม่ในกายของข้า...’ แต่ที่แน่ๆ
คนรอบตัวเขาทั้งสองนี่สิ ไม่รู้จะสรรหาเอาคำอะไรมาบรรยายความรู้สึกตอนนี้ได้

          เมื่ออาร์ดิสปรากฏตัว คำกล่าวของอัลกอลที่ว่า อาร์ดิสมากับโจฮันนั้น ไม่ใช่เรื่องกุขึ้นเล่นๆ เพื่อหวังจะสะกิดต่อมอะไร
แต่มันเป็นเรื่องจริง เพราะเจ้าหนุ่มโจฮันก็ตามมายืนข้างๆ อาร์ดิสแบบประชิด ถ้าสายตาของเฮเรียส และคอร์วีแดมีหลอดไฟอยู่ข้างใน
ก็คงจะส่องสว่างเสียจนฟิวส์ขาด

          โจฮันแยกกับอาร์ดิสแล้วเดินไปยังที่นั่งของหอตน สำหรับอาร์ดิสนั้นกำลังเดินมาทางกลุ่มหอไดอาน่าที่ตนเองคุ้นเคย
เมื่อเฮเรียสเห็นภาพดังกล่าวก็หันหน้าไปทางอื่น เหมือนกับว่าไม่ได้เห็นอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้รับรู้อะไรทั้งนั้น แต่ความรู้สึกยังอึมครึม
เหมือนอย่างเคย แม้ว่าจะลดลงไปมากแล้วก็ตาม

          พออาร์ดิสใกล้จะถึงที่นั่ง พวกฟรานซิส อัลกอล และดาเนอี ก็ชวนกันไปนั่งที่ของตนเช่นกัน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดนั้นขึ้นไปแค่ไม่กี่แถว
ก็คือต้องเดินสวนกับอาร์ดิส พร้อมกับทักทายอาร์ดิสนิดๆ หน่อยๆ

          ครั้นเมื่ออาร์ดิสมาถึงที่นั่งและกำลังจะขอทางเซอเพนเพื่อเข้าไปนั่งที่ของตน

          “เจ้าไปไหนมา อาร์ดิส พวกเราตามหาเสียตั้งนาน”

          เซอเพนยิงคำถามที่น่าจะตรงกับใจของเฮเรียส

          “ทำไมเหรอ...ข้าไปฝึกศาสตราเวทย์มาน่ะ”

          อาร์ดิสกล่าวตอบเซอเพน ในแบบของคนที่ไม่มีอะไรปิดบัง

          “งั้นก็แล้วไป”

          เซอเพนรู้สึกโล่งใจหน่อยๆ แต่ก็หันหน้าไปมองอาร์ดิสพร้อมกะชี้นิ้วหน่อยๆ เป็นเชิงว่าให้หันไปดูหน้าไอ้หมอนั่นที่นั่งข้างๆ
เขาจะดีกว่า เพราะรายนั้นท่าทางอาการจะหนักน่าดู

          แต่ยังไม่ทันที่อาร์ดิสจะเอ่ยปากคุยอะไรกับเฮเรียสสักคำ เสียงคุ้นของรุ่นพี่ที่เป็นประธานเมจขั้นสูงอย่างโอเรี่ยน
อามานดรอฟ ก็ดังขึ้น

          “กราบสวัสดีท่านมหาเวทย์เซอุส และคณาจารย์แมจิกทุกท่านที่เคารพ กระผมในนามของประธานเมจขั้นสูง ผู้ได้รับหน้าที่
เป็นโฆษกในการแจ้งผลสรุปจากการประชุมของสหพันธ์ดาราจักร บัดนี้คาดว่าเมจทุกระดับขั้นคงมาพร้อมเพียงกันหมดแล้ว จึงขอ
ประกาศสาสน์จากทางสหพันธ์ดาราจักรให้รู้โดยทั่วกัน”

          เนื้อความของสาสน์ดังกล่าวที่โอเรี่ยนจะประกาศนั้น สรุปความออกมาได้ว่า

          เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่อาจเป็นอันตรายต่อเหล่าเมจทั้งหลายของโรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์ยูนิคอรอส ทางสหพันธ์ดาราจักร
จึงเปิดการประชุมเพื่อหารือว่าด้วยเรื่องของการจัดการแข่งขันศึกระหว่างหอ และการรักษาความปลอดภัยให้แก่บรรดาศิษย์เมจทั้งหลาย
ทั้งปวง

          หลังจากได้ทำการประชุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางสหพันธ์ดาราจักรได้ลงมติว่า จะทำการปิดภาคเรียนของโรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์
ยูนิคอรอสนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเรื่องของการจะเปิดภาคเรียนเมื่อไหร่นั้นทางโรงเรียนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งทางสาสน์ที่จะส่งไปยังที่พัก
ซึ่งขอให้เมจทุกคนกลับไปกรอกที่อยู่ตามหอของตน ทางเราได้จัดเตรียมกระดานเวทย์สำหรับบันทึกที่พักอาศัยของเหล่าเมจทั้งหลายตาม
หอทั้ง 7 หอ โดยมีเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ในการบันทึกแบ่งย่อยตามระดับขั้นของเมจ คือ เมจขั้นต้น เมจขั้นรอง และเมจขั้นสูง

          และด้วยเหตุนี้เอง จึงส่งผลให้การแข่งขันศึกระหว่างหอรอบที่ 2 จำต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด สหพันธ์ดาราจักรจึงขอให้
เมจทุกระดับขั้นใช้โอกาสนี้ เพื่อกลับไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง บิดามารดร และบุคคลอันเป็นที่รักที่อยู่ ณ บ้านเกิดของตน สุดท้ายนี้ขอให้
เมจทุกคนเดินทางโดยสวัสดิภาพ แล้วเราจะได้พบกันอีกในไม่ช้านาน...จบประกาศ

          “ไหงงั้นอ่ะ....” เสียงเซอเพนเหมือนกับจะร้องห่มร้องไห้เสียอกเสียใจ และเสียดาย

          เมจทุกคนก็อยากจะพูดแบบนั้นเหมือนกัน แต่มันก็ช่วยไม่ได้ ไม่แปลกที่ทางสหพันธ์จะประกาศปิดโรงเรียนแบบนี้ เพราะเหตุการณ์
มันมีผลต่อชีวิตของเหล่าเมจจำนวนมากที่อาจจะเป็นกำลังสำคัญในอนาคต และที่สำคัญต่อให้เก่งกาจสักแค่ไหน ก็ไม่อาจชุบชีวิตของผู้ใด
ขึ้นมาได้

          ขณะที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับหอ และเริ่มดำเนินการบันทึกที่อยู่กับเจ้าหน้าที่นั้น กลุ่มของอาร์ดิสก็กำลังเดินกลับหอไดอาน่าเช่นกัน

          ไม่นานพวกเขาก็เดินมาถึงหอไดอาน่าที่น่าจะเป็นเป้าหมาย แต่อาร์ดิสกลับเดินเลยไป ทำให้ทุกคนตกใจ และสงสัยเป็นอย่างมาก
จะบอกว่าอาร์ดิสลืมหอไดอาน่าของตัวเองไปแล้วก็คงจะไม่ถูก

          “เอ้ยๆ อาร์ดิส เจ้าจะไปไหน หอเราอ่ะอยู่นี่ เจ้าเดินเลยแล้วนะ มัวแต่คิดอะไรเพลินอยู่ละสิท่า”

          เซอเพนแหกปากทันทีโดยไม่มีใครต้องสั่ง และไม่สนใจคนรอบข้างว่าใครจะหันมามองบ้าง

          “พวกเจ้ากลับบ้านไปเถอะ แต่ข้า...จะไปหาท่านมหาเวทย์เซอุส แล้วพบกันใหม่นะ”

          อาร์ดิสพูดคำพูดที่ทุกคนไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมา

          “ชิ...เจ้าอย่าดื้อน่ะ! คิดจะอยู่ที่นี่คนเดียวหรือไง ข้าไม่ยอมแน่ ยังไงเจ้าก็ต้องกลับๆ พวกเรา ข้าจะลากเจ้ากลับไปกับข้านี่แหละ...”

          เฮเรียสฉุนอาร์ดิสมาตั้งแต่เห็นเขากับโจฮัน พอมาเจออาร์ดิสที่ทำท่าว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ตาม ยังเสียเขาก็จะอยู่ต่อที่โรงเรียน
เฮเรียสเลยหมดความอดทนต่อการที่จะข่มอารมณ์ขุ่นข่องหมองใจนี่เอาไว้

          แต่ไอ้คำพูดของเฮเรียสเนี่ย มันจะไม่เป็นการประกาศไปหน่อยเหรอว่า เขาจะพาอาร์ดิสไปที่พระราชวังของมหานครเฮริโอโปรัสน่ะ
อย่างกับจะพาไปเปิดตัวแฟนสาวกับเสด็จพ่อและเสด็จแม่งั้นแหละ

          แน่นอนว่าสายตาของคนในกลุ่มต่างจดจ้องมายังเจ้าชายเฮเรียสอย่างเป็นนัยสำคัญ ส่งผลให้เฮเรียสนึกทวนคำพูดของตนอีกหน
แล้วก็ต้องรู้สึกเขอะเขิน คนเป็นเจ้าชายน่ะมันก็คนเหมือนกันนะ อีหรอบนี้ก็ต้องหน้าแดงน่ะสิ

          “ไรกันเนี่ยสองคนนี้ มีชวนกันไปเที่ยวบ้านกันด้วย ไม่เห็นจะชวนพวกเราบ้างเลยนะ”

          เซอเพนแควะทันทีที่สบโอกาส จะพลาดได้ไงช็อทเด็ดขนาดนี้

          “ขะ...ข้าก็กะว่าจะชวนทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีใคร...”  เฮเรียสรีบแก้ตัวทันใด

          “ง้านหรา ~ แต่ข้า กับอัลกอล จะไปพักที่บ้านของฟรานซิสน่ะ โทษทีน้า จริงไหมฟรานซิส~ ”

          ดาเนอีดูเหมือนจะรู้งาน เลยรีบบอกปัด เพื่อตัดก้างขวางคอ ท่าทางจะชอบดูรักแบบวายๆ ทำนองนี้เป็นงานประจำ ถ้าแผน
ไปได้สวยก็ก้างไปได้สามก้างใหญ่ๆ เชียวล่ะ

          “หา! ไปบ้านข้า บอกเมื่อระ...โอะ....โอเค ตามนั้นเลยจ้า.....อูย”

          ในตอนแรกฟรานซิสทำท่างง แต่พอเจอหยิกที่หลังถึงกับรับปากอย่างไม่รีรอ เป็นอันตกลงว่ารุ่นพี่ทั้งสองติดนัดไปพักที่บ้าน
ของรุ่นพี่ฟรานซิสเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเจ้าของบ้านก็ต้องรวมอยู่ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย จึงตัดก้างไปได้สามคน

          “ส่วนข้า เซอเพนผู้นี้ เป็นที่แน่นอนว่า...ข้า...จะไปกับพวกเจ้าด้วย เจ้าไปไหนข้าก็ต้องไปด้วยอยู่แล้วสิ ฮ่ะฮ่ะๆ”

          กระทาชายนายเซอเพน ไม่มีซะละที่จะปฏิเสธ ส่งผลให้มีก้างติดไปหนึ่งอันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          “งั้นข้า กับอาร์ดิส จะไปเยี่ยมวังของเจ้าที่มหานครเฮริโอโปรัส มีมติเป็นเอกฉันท์แล้วนะ”

          เซอเพนพูดพรางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดแสนจะดีใจได้ไปเที่ยวนครเฮริโอโปรัสที่อยากจะเห็นมานานแล้วว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร
และจะแตกต่างไปจากนครเนริสซ่า และเฟียลาเพลล่ามากน้อยแค่ไหนกัน

          “คะ...ใครบอกว่าข้าจะไปด้วยกันล่ะ”

          อาร์ดิสแย้งขึ้น ทำเอาเซอเพนฝันค้าง เหมือนเขากำลังบินขึ้นไปบนที่สูงได้สักพักหนึ่ง แต่แล้วก็ต้องถูกดึงดำดิ่งให้ตกลงมายังใต้พิภพ

          “ขะ...ข้าจะไปหาท่านมหาเวทย์เซอุส”

          ที่อาร์ดิสยังยืนยันคำเดิมก็เพราะ คำพูดของเฮเรียส และสายตาที่ทุกคนแสดงออกมาหลังจากคำพูดนั้น มันน่าอายนี่นา
ที่ถูกผู้ชายที่ชวนไปเยี่ยมบ้านของตนต่อหน้าคนตั้งมากมาย จะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยก็คงจะไม่ได้ ก็จริงๆ แล้วเขาเป็นผู้หญิงนี่

          “ถึงเจ้าไปพบข้า ข้าก็ไม่อาจให้เจ้าอยู่ต่อที่นี่ได้”

          เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นเพื่อทำลายความคิดดื้อดึงของอาร์ดิส และนั่นเป็นเสียงของมหาเวทย์เซอุส ผู้ที่อาร์ดิสกำลังตั้งใจ
ที่จะไปหาตั้งแต่ต้น

          “เราสองคนก็คิดเห็นเช่นเดี่ยวกับมหาเวทย์เซอุสเช่นกันนะ อาร์ดิส”

          เสียงนี้ก็เช่นกัน เป็นเสียงที่อาร์ดิสคุ้นเคยยิ่งกว่าใครๆ เพราะเธอได้ยินเสียงนี้มาตั้งแต่เด็กนี่นา มันก็ต้องจำได้อยู่แล้ว
ว่านี่เป็นเสียงของใคร

          “ปะ...ป้าเนป ลุงซิก หะ...พวกท่านมาได้ยังไงกัน..คะ..คับ”

          พออาร์ดิสพูดจบก็รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดคนทั้งสองที่เดินตามหลังท่านมหาเวทย์เซอุสมา

          ท่านทั้งสองก็คือ ลุงซิกและป้าเนป ที่เลี้ยงดูอาร์ดิส หรือก็คือลูน่ามาตั้งแต่เด็กแบเบาะ
          
          “อะไรกัน ห่างจากลุงกับป้าไม่นาน เดี๋ยวนี้กลายเป็นเด็กดื้อที่ไม่รู้จักว่าอะไรอันตราย และไม่อันตรายแล้วเหรอ”

          ลุงซิกกล่าวขณะสวมกอดหลานไปพร้อมๆ กับผลัดให้ป้าเนปกอดอาร์ดิสด้วย

         “แต่อย่างไรเสีย ป้าก็อยากให้หลานไปเที่ยวบ้านเพื่อนของหลานมากกว่าที่จะอยู่โรงเรียน ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายเมื่อไหร่ก็ได้ในตอนนี้”

          ป้าเนปยื่นคำขาด ต่อให้อาร์ดิสจะดื้อดึงยังไงก็ไม่มีวันไม่เชื่อฟังคำพูดของป้าเนป และลุงซิกอย่างแน่นอน

          “ตะ...แต่ว่า” อาร์ดิสเหมือนจะยังไม่เลิกโต้แย้ง

          “ไม่ต้องต่งต้องแต่อะไรทั้งนั้น ไม่งั้นป้าจะแฉตรงนี้ให้หมดเลยนะ”

          ป้าเนปเลยถึงกับงัดไม้เด็ดมาเพื่อข่มขู่อาร์ดิสเสียเลย

          ทำให้อาร์ดิสหันหน้าไปหาเฮเรียสพร้อมๆ กับส่งสายตาในทำนองที่ว่า ‘รบกวนด้วยก็แล้วกัน’ เล่นเอาเฮเรียสหลุดขำออกมา
อย่างที่ผู้เป็นเจ้าชายเกินจะทนไหว แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าอาร์ดิสให้ความเคารพเชื่อฟังท่านลุงกับท่านป้ามากขนาดไหน

           พอพวกรุ่นพี่กล่าวแนะนำตัวตนเองและรุ่นน้องที่เหลือให้ลุงซิกกับป้าเนปฟังเสร็จก็ขอตัวไปเก็บข้าวของที่จำเป็นเพื่อเตรียม
ออกเดินทางไปยังบ้านของฟรานซิส ทำให้เหลือเพียงแค่ เฮเรียส และเซอเพนอยู่ร่วมวงสนทนากับบรรดาจอมเวทย์ที่ไม่ค่อยจะรู้จัก
คำว่าแก่สักเท่าไหร่

          “ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันสองคนก็ต้องขอฝากอาร์ดิสไว้กับ เจ้าชายเฮเรียส และเซอเพนด้วยนะพะยะคะ”

          ลุงซิกและป้าเนปต่างโค้งคำนับ และฝากฝังหลานเอาไว้กับเหล่าหนุ่มผู้มากความสามารถทั้งสอง

          “มหานครเฮริโอโปรัส บ้านเกิดเมืองนอนของผมจะดูแล และต้อนรับอาร์ดิสเป็นอย่างดี โปรดอย่าเป็นกังวลไปเลยครับ”

          เฮเรียสกล่าวแบบมาดเจ้าชายสุดๆ เท่ซะ แต่ถึงอย่างไร มันก็ทำให้ลุงกับป้าของอาร์ดิสวางใจเป็นที่สุด

          “ทำเป็นผู้ดีไป เฮเรียสอ่ะชอบแกล้งอาร์ดิสประจำเลยคับคุณลุงซิก”

          เซอเพนได้ทีฟ้องกับผู้ใหญ่ฝ่ายอาร์ดิสเป็นยกใหญ่

          “อย่างนั้นหรือ แล้วมีฉากแบบว่า....ตบจูบกันหรือเปล่าล่ะ โฮ๊ะ โฮ่ะ โฮ่ะ”

          คำพูดหลังๆ เนี่ยลุงซิกเอียงตัวไปกระซิบกับเซอเพนกันสองคน แถมยังกระซิบอะไรต่อมีอะไรกันอยู่นานสองนาน แล้วก็หัวเราะ
กันอยู่แค่สองคน ท่าทางลุงซิกจะถูกคอกับเซอเพนอย่างมาก หรือว่าจะพบพวกเดียวกันซะแล้วล่ะเนี่ย

          ฝ่ายมหาเวทย์เซอุสกล่าวแก่ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นว่า ขอคุยกับอาร์ดิสเป็นการส่วนตัวสักชั่วครู่หนึ่ง

          “เจ้าหญิง ข้าต้องกล่าวขออภัยอย่างยิ่งที่ไม่อาจให้ท่านประทับอยู่เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนของเราได้ ข้าและทุกคนในที่แห่งนี้
ขอน้อมรับเพียงน้ำพระทัยของเจ้าหญิง หวังว่าเจ้าหญิงจะทรงเข้าพระทัย”

          ก่อนหน้านี้ท่านมหาเวทย์ได้ส่งข่าวแก่ลุงซิกนัส และป้าเนปจูน เพื่อให้พวกเขารีบรุดมายังที่โรงเรียนนี้ทันที แรกเริ่มเดิมที
ท่านมหาเวทย์คาดการณ์ว่าจะให้อาร์ดิสกลับไปยังบ้านในป่า แต่มันก็อาจจะเป็นการเสี่ยงเกินไป ท่านมหาเวทย์ไม่อาจไว้ใจกับ
สถานการณ์ที่อาจแย่ลงไปยิ่งกว่าตอนนี้ และเกรงว่าจะเกิดอะไรระหว่างทาง สู้ให้อาร์ดิสไปกับเฮเรียสจะดีกว่า เพราะมหานครบ้านเกิด
ของเฮเรียสนั้น ได้รับการขนานนามว่า ปราการสีเงิน เรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งเกราะเหล็กก็ว่าได้

          มหาเวทย์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อาร์ดิสรู้ได้ทันทีว่า เขากำลังเป็นกังวลอย่างมาก และรู้สึกเสียใจกับการเกิดเหตุครั้งนี้มากเพียงใด

          อาร์ดิสไม่อยากให้คนผู้นี้ที่ได้ชื่อว่ามหาเวทย์ต้องมาเหน็ดเหนื่อยไปกับการดื้อดึงของเขา เหตุการณ์ครั้งนี้ถ้าเขาอยู่ที่นี่อาจจะ
ช่วยอะไรได้บ้าง แต่ก็ต้องทำให้มหาเวทย์ผู้นี้ต้องพะว้าพะวัง นอกจากจะต้องปกป้องศิษย์ทั้งหลายแล้ว ยังต้องปกป้องเขาไปด้วย
มันคงเป็นเรื่องที่แย่มาก หากต้องเอาชีวิตผู้เป็นถึงมหาเวทย์มาแขวนไว้กับชีวิตของเขาด้วย สุดท้ายแล้วเขาก็คงไม่ต่างอะไรไปจาก
พวกที่ดีแต่เห็นแก่ตัว

          “ข้าเข้าใจแล้วค่ะ” ในที่สุดอาร์ดิสก็ยอมเข้าใจ

          “ตอนนี้ข้าอาจจะช่วยท่านไม่ได้ก็จริง แต่ว่าสักวัน...ข้าจะร่วมปกป้องบุคคลอันเป็นที่รักของข้า และมหานครเฟียลาเพลล่าแห่งนี้
เฉกเช่นที่เสด็จพ่อ และเสด็จแม่ของข้าเคยกระทำ”

          อาร์ดิสได้กล่าวปฏิยานตน ต่อหน้าผู้เป็นมหาเวทย์ และต่อสรรพสิ่งทั้งหมดทั้งปวงที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ เปรียบเสมือนคำสัญญา
ที่มอบให้ไว้ต่อมหานครเฟียลาเพลล่าแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

          ดูเหมือนคำพูดของอาร์ดิสนั้น จะทำให้ผู้เป็นมหาเวทย์รู้สึกยินดีออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ ในเมื่อคนรุ่นต่อไปยังไม่ไร้ซึ่งพลัง
ความหวังก็ยังดำรงอยู่ ในภายภาคหน้าอนาคตที่แสนยาวไกลคงต้องฝากมหานครแห่งนี้ไว้ให้ชนรุ่นหลังสืบทอดเจตนารมณ์ จวบจนกว่า
โลกนี้จะดับสลาย


จบตอนที่ 12
ติดตามต่อกันได้ในตอนต่อไปค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ค่ะ  ขยิบตา ติ ชม ให้คำแนะนำได้นะคะ
จากใจผู้แต่ง







บันทึกการเข้า

.:: !- GModerator -! ::.

?


ชาย Switzerland
 1042
 328
 2588


เว็บไซต์
Windows XP Chrome 23.0.1271.64
« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2555, 10:35:35 AM »

น่าจะมีคนนำไปสร้างเป็นละครนะครับ







บันทึกการเข้า

เจ๋ง เจ๋ง 8)คุณ..พร้อมจะก้าวไปกับเรา..www.mayonnaise-club.com แล้วหรือยัง ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.13 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!


Google visited last this page สิงหาคม 26, 2567, 10:44:03 AM