หน้าแรก    • ธนาคารกลาง  • ห้องแช็ท  • วิทยุออนไลน์  • ช่วยเหลือ  • ค้นหา  • เข้าสู่ระบบ  • สมัครสมาชิก  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 2 บุรุษผู้ถูกไล่ตาม (ตอนกลาง)  (อ่าน 5269 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ว่างเปล่า...

ทร่ามกลางหมู่ดาวมากมาย มีเพียงดาวดวงเดียวที่ส่องสว่าง นั้นก็คือ...เธอ

ฉันอยากไปยังที่แห่งหนึ่ง

หญิง Thailand
 184
 101
 100



Windows XP MS Internet Explorer 8.0
« เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2553, 04:19:18 PM »


ตอนที่ 2 บุรุษผู้ถูกไล่ตาม (ตอนกลาง)


          "...ฮะ ฮะ ฮะ เสียใจด้วยนะ เจ้าพูดผิดแล้ว นอกจากข้าจะเรียนศาสตร์เวทย์ธาตุน้ำแข็งแล้ว ข้ายังเรียนรู้ศาสตร์เวทย์
ธาตุน้ำอีกด้วย มันก็เพื่อไว้ใช้ยามเจอะเจอเหตุการณ์เยี่ยงนี้ไงเล่า จงตายไปพร้อมกับความเจ็บแค้น และเจ็บใจในความโง่เง่า
ของตนเองเสียเถิด ชาวธาทารัส ชาวเผ่ามารอย่างเจ้า ไม่สมควรอยู่บนโลกใบนี้ตั้งแต่แรก จงกลับคืนสู่ความว่างเปล่าซะ ลาก่อน"

          จอมเวทย์หันหลังให้พร้อมกับยก 2 นิ้ว แนบชิดกัน ทำท่าเหมือนกับวันทยาหัตถ์ของพวกอัศวิน แล้วค่อยๆ เดินห่างออกไป


          ก่อนที่น้ำแข็งจะค่อยๆ เกาะกุมคนชุดคลุมดำจนมิดสนิท กลายเป็นอนุเสาวรีย์แช่แข็งอยู่ ณ ที่นั้น

          "อั่ก!!...ข้าขอขอบคุณท่าน ท่านอาจารย์ หากท่านมิได้เขี้ยวเข็ญให้ข้าฝึก วารีสมานกาย ข้าคงจะต้องจบชีวิต ณ ที่แห่งนี้
เป็นแน่แท้...ต้องรีบแล้ว อาการข้าแม้จะไม่ถึงตาย แต่ก็บาดเจ็บสาหัสนัก หากไม่รีบไปตอนนี้ หากไม่รีบไป มันอาจจะสายเกินแก้
นี่ข้าทำงานผิดพลาดยังงั้นหรือ...ข้าผู้นี้ทำงานผิดพลาด"

          จอมเวทย์รู้สึกตัวว่า ตัวเองช่างไร้ความสามารถยิ่งนัก เห็นที่จะต้องกลับไปฝึกฝนเสียใหม่ แต่จะมาย่อท้อตอนนี้ให้ได้อะไร
มีแต่จะต้องสู้เท่านั้น

          "ข้านี่มันโง่จริง ๆ ท่านผู้นั้นกำลังรออยู่ ขืนชักช้ากว่านี้จะยิ่งเสี่ยง ข้าต้องทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จ ข้าจะต้องไม่ทำให้ความหวัง
เพียงหนึ่งเดียวนั้นต้องสูญสลายไป....ปิ๊ด"

           สิ้นเสียงเป่าปากเพียงครู่หนึ่ง ก็พลันมีม้าสีน้ำตาล แหวกออกมาจากความมืด และแล้วจอมเวทย์ก็ขึ้นหลังม้าตัวนั้น แล้วหายลับ
ไปท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมไปทั่ว รวมทั้งยังคงปกคลุมทั่วท้องฟ้ายามราตรี มีเพียงแสงจันทร์เฉิดฉาย พร่างพรายเคียงข้างด้วยหมู่
ดาวเกินนับคณา

          กั่บ กั่บ กั่บ เสียงฝีเท้าของม้าดังถี่ๆ ผู้ที่บังคับมันรีบที่จะบึ่งไปให้ถึง สถานที่แห่งหนึ่ง ที่ๆ คนผู้นั้นอยู่ หลังจากขี่ม้ามาได้เป็น
ระยะเวลานานพอสมควร ในที่สุดก็มาถึง เขาบังคับม้านั้นให้หยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งภายในบ้านมืดสนิท ไม่มีทั้งแสงไฟเปิดอยู่แม้แต่
ดวงเดียว เป็นอันเข้าใจว่าคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ได้เข้าสู่ห้วงแห่งนิทราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

          "ในที่สุด วันนี้ก็มาถึง วันที่ข้าต้องทำหน้าที่ของข้า ตามที่ท่านอาจารย์ได้กำชับนักกำชับหนา ว่าจะต้องเชิญท่านผู้นั้นไปให้จงได้
และที่สำคัญต้องไม่ให้ท่านผู้นั้นได้รับอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น ข้ามาถึงแล้ว ข้ามารับท่านแล้ว"

          ฟึบ...ตึก เสียงฝ่าเท้าที่ก้าวลงจากหลังม้า จอมเวทย์ที่ลงจากหลังม้า ในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ ไม่สิจากความประมาท
มากกว่า เมื่อเขาลงจากหลังม้าแล้ว ก็ส่งสัญญาณให้ม้าไปหาที่ซ่อน จนกว่าเขาจะกระทำภารกิจให้เสร็จสิ้น เขาค่อยๆ ย่างเท้าเดินไปอย่าง
ช้าๆ ด้วยเหตุที่ว่าตนบาดเจ็บ จึงเดินช้ากว่าปกติ แต่แล้วจู่ๆ

          "อ่อก!!....ยะ...แย่แล้ว เวทย์วารีสมานกายใช้ไม่ได้ผลอย่างนั้นเหรอ ไม่ใช่ พลังเวทย์ธาตุน้ำของข้าไม่เพียงพอที่จะหยุดยั้งมัน
มากกว่า อ่อนหัดเกินไปสินะเรา...หึหึ...ทำไมสุดหล่อแสนจะเพอร์เฟคอย่างข้าต้องมาตายแค่ตอนที่ 2 ของเรื่องเองเนี่ย...ซวยชะมัด....
อัก...โครม" ในที่สุด จอมเวทย์ก็ต้านทานพลังธาตุมืดไม่ไหว จึงล้มลง หมดสติ โดยมีบางอย่างมารองรับร่างของเขาไว้ มิให้หัวกระแทกพื้น

          เช้าวันนี้ป้าเนปก็ยังคงสวมบท เชฟขั้นเทพเช่นเคย แต่กลับมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเคย ตึงตึง...โครม...ตึง ตึง ตึง....เสียงเอะอะ
มาจากด้านบน และค่อยๆ มายังบันได และสุดท้ายมันก็มาหยุดที่ห้องครัว

          "ป้าค่ะ ป้าเนป ลุงซิก แย่....แย่แล้วค่ะ"

          เสียงของลูน่านั่นเอง ที่ทำเสียงครึกโครม และดูท่าจะตกใจกับอะไรสักอย่าง ถึงได้ทำหน้าตื่นตะหนกมาเชียว

          "เกิดอะไรขึ้นกันหา ลูน่า ใจเย็นๆ ก่อน ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา ป้าใจหายหมดและ ไหนลองว่ามาซิ มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ"

          "อะไร อะไรกัน มีอะไรกันอย่างนั้นหรือ เนป ลูน่า เสียงดังโครมครามแต่เช้า" และเป็นลุงซิกที่ตามมาสมทปอีกคน



          "นะ...หนูคิดว่า ไม่ต้องอธิบายดีกว่าค่ะ เดี๋ยวมันจะไม่ทันการเอา รีบออกไปดูหน้าบ้านกันเถอะค่ะ มีใครมาสลบอยู่ใต้ต้นไม้ก็ไม่รู้ค่ะ"

          ลูน่ารีบพูดรัวเร็ว "ตายจริง ใครกัน และเขาอยู่ตรงไหน ลูน่ารีบพาลุงกับป้าไปเร็วเข้า" ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้า

          "เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน ลุงนำเอง ลูน่าอยู่หลังลุงไว้ คอยบอกว่าเค้าอยู่ตรงไหน เพราะเราไม่รู้ว่า เขาเป็นใคร มาจากไหน เป็นคนดี
หรือว่าเป็นผู้ร้ายหนีการจับกุมมา อย่างน้อยๆ จะได้ตั้งรับทัน หากเขาไม่ประสงค์ดี"

          ลุงซิกแย้งขึ้นมา และบอกหนทางที่คิดว่าน่าจะปลอดภัยสำหรับตน และครอบครัว

          "จริงสิค่ะ ฉันก็ลืมคิดไป ทำอย่างคุณว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด เอาตามนี้เถิดหลานรัก"

          ด้วยคำพูดของลุงซิก และป้าเนป เป็นอันตกลงว่า จะให้ลุงซิกเป็นผู้นำหน้า ตามด้วยลูน่า และปิดท้ายด้วยป้าเนป เพื่อจะได้
ระวังหลังด้วย เพราะไม่รู้ว่าบุคคลปริศนาที่มานอนแผ่สองสลึงอยู่หน้าบ้านนั้นเป็นใคร และมานอนอาบแดดตรงนี้เพราะเหตุใด
และมาคนเดียวหรือมาเป็นแพ็กเกต

          เมื่อออกไปถึงหน้าบ้าน

          "ไหน ตรงไหนลูน่า คนผู้นั้นอยู่ตรงไหน"

          ลูกซิกกล่าวพร้อมๆ กับหันซ้ายหันขวา มองหาบุคคลดังกล่าว

          "นะ...นั่นไงค่ะ เค้านอนอยู่ตรงนั้นค่ะ หนูเห็นเขาจากทางหน้าต่างห้องของหนู"

          ลูน่าบอกกล่าวแก่ผู้เป็นลุง พร้อมกับชี้นิ้วไปทางที่บุคคลปริศนานอนสลบอยู่ มันเป็นใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งภายในบริเวณด้านซ้ายของบ้าน

          "อยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวลุงเข้าไปดูเอง เนปฝากลูน่าด้วย อย่าเพิ่งเข้ามานะ จนกว่าลุงจะบอกว่าให้เข้ามาได้"

          ว่าแล้วลุงซิกก็เดินดุ่มๆ เข้าไป สายตาของลุงจ้องไปโดยรอบ ก่อนที่จะจ้องไปที่ร่างของผู้ที่นอนหงายหน้าอยู่ตรงโคนต้นไม้

          "เฮ้ เจ้าหนุ่ม"
          
          ลุงซิกเรียกเมื่อเข้าใกล้ จนรู้ได้ว่าคนที่สลบอยู่ เป็นชายหนุ่ม แต่เมื่อเข้าใกล้จนเห็นแผ่นหลังที่พิงอยู่กับต้นไม้ได้ครึ่งแผ่นหลัง
ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น แผ่นหลังที่อาบไปด้วยเลือด ที่ซึมเต็มเสื้อคลุมสีขาวขอบทอง ที่บัดนี้กลับออกสีแดง จากเลือดที่ชุ่มโชก
เสียมากกว่า

          "อย่าเข้ามานะ ลูน่า เนป"

          เสียงเตือนอีกครั้ง กันคนทั้งสองไม่ให้เข้ามา เพราะอาจจะไม่ปลอดภัยก็เป็นได้ ที่สำคัญอีกประการ เพราะสิ่งที่ติดมากับแผ่น
หลังเปื่อนเลือดนี่คือ...

          "เจ้าหนุ่มคนนี้บาดเจ็บ อาการสาหัสเชียวหละ แต่ยังมีลมหายใจ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาบาดเจ็บมาจากการโดนอาวุธ..."

          ลุงซิกชะงักไปชั่วครู่ เมื่อได้ทำการพิจารณาอาวุธดังกล่าว และแน่นอนท่าทางของลุงซิกรู้จักอาวุธชนิดนี้

          "ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้...กะ...กงเล็บพญามาร...อะ....อาวุธของเผ่ามาร"

          "อะไรนะคะคุณ ปะ...เป็นความจริงอย่างนั้นเหรอค่ะ....ถ้าอย่างนั้น"

          เหมือนกับว่าป้าเนปก็ท่าทางรู้จักอาวุธชนิดนี้ด้วยเช่นกัน ถึงได้แสดงทีท่าตระหนกออกมาถึงเพียงนั้น

          ส่วนลูน่า ก็ได้แต่ทำหน้าอย่างงุนงง มันคืออะไรกันไอ้เจ้าอาวุธที่ว่านั่น แต่ก็พูดอย่างเป็นกังวลออกมาว่า

          "ป้าค่ะ ลุงค่ะ ไม่รีบช่วยเขาจะดีเหรอค่ะ ดูท่าเขาอาการท่าทางจะหนักมากๆ เลยนะคะ ใบหน้าซีดเผือกขนาดนั้น"

          ลูน่าเห็นลุงกับป่าท่าทางตระหนกตกใจกันอย่างมาก จึงพูดเพื่อเรียกให้คืนสติ และคนตรงหน้าที่กำลังดูท่าว่าจะตาย
มิตายแหล่นั่น อาการย่ำแย่เต็มทีแล้ว ชักช้ากว่านี้เขาเป็นอันได้ตายจริงๆ แน่ๆ

          "คุณค่ะ เขาคงไม่ใช่พวกมันหรอกค่ะ ดูจากชุดคลุมที่เขาสวมใส่นี้ เป็นเครื่องแบบของ ยูนิคอรอส นะคะ ฉันคิดว่าฉัน
จำไม่ผิด รีบช่วยเขาก่อนเถอะค่ะ"

          ป้าเนป พูดพรางมองดูชุดที่ชายหนุ่มที่สลบไสลนั้นสวมใส่อยู่ เป็นเหตุเพราะลูน่าทำให้ป้าเนปคืนสติ เลยทำให้สามารถ
ไตร่ตรองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

           "อืม...เป็นเครื่องแบบของที่นั่นจริง แต่..."

          ลุงซิกยังคงไม่แน่ใจกับสิ่งที่เห็น มันไม่แน่ว่าชุดนี้อาจถูกขโมยเพื่อเอามาสวมใส่อำพรางตัวก็เป็นได้ ลุงซิกจึงล้วงเข้าไป
ในกระเป๋าผ้าที่ห้อยอยู่ภายในเสื้อคลุมตัวนอกสีขาวขอบทองนั้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการหาอะไรบางอย่าง และเหมือนจะเจอ
สิ่งที่หานั้นแล้ว

          "หืม....อืม....เขาเป็นคนของ ยูนิคอรอส ไม่ผิดแน่แท้ ตรานี้เป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่า เขาคือจอมเวทย์แห่งยูนิคอรอส....
ฮึบ!! ไปกันเถิด รีบเข้าไปข้างในบ้านกันก่อน แล้วค่อยดูอาการกันต่อไป"

          ลุงซิกแบกจอมเวทย์ผู้นั้นขึ้นบนหลัง แม้ว่าลุงซิกจะเป็นผู้มีอายุมากแล้ว แต่ก็ยังคงแข็งแรงเหมือนหนุ่มใหญ่ ก่อนที่ลุงซิก
จะก้าวเท้าออกเดินเพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูบ้าน ลุงซิกได้เอียงคอหันมามองจอมเวทย์หนุ่มผู้นั้น แล้วพูดออกมาเป็นเชิงห่วงๆ ว่า

          "อย่าเพิ่งตายหละไอ้หนุ่ม"

           แล้วลุงซิกก็แบกผู้ที่สลบอยู่ไปจนถึงประตูบ้าน ตามด้วยลูน่า และป้าเนป ลูน่าเปิดประตูให้ลุงซิกนำผู้ที่สลบเข้าไปภายในบ้าน
พร้อมกับรอให้ป้าเนปเข้าไปอีกคน แล้วจึงปิดประตู
 

          บนเตียงที่ถูกปูด้วยฟูกสีขาว หนานุ่ม (มันฟูกที่นอน หรือว่าขอบพิซซ่า...แฟะ) มีร่างๆ หนึ่งหลับอุตุอยู่ แต่ก็เพราะอาการ
บาดเจ็บนั้นล่ะ ที่ทำให้เขายังไม่รู้สึกตัว

          ข้างๆ เตียงมีหญิงสาวผมยาวสลวยสีทอง ดวงตาสีน้ำตาลดุจดั่งเมล็ดแอลมอนด์นั้น กำลังจ้องมองผู้ที่หลับไหลอยู่บนเตียงดังกล่าว
สีหน้าของเธอไม่แสดงออกถึงความกังวลใดๆ เพราะคนที่นอนอยู่ตรงหน้านั้นพ้นจากขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังคงต้องนอนพักฟื้นอีก 3
สัปดาห์ ถึงจะขยับเขยื่อนได้ มิเช่นนั้นบาดแผลที่ตอนนี้เริ่มสมานแล้วจะเปิดอีก

          "อะ...อืม" เสียงดังแผ่วๆ มาจากผู้ที่นอนอยู่บนเตียง ทำให้ผู้ที่อยู่ข้างๆ เตียงเถิบเข้ามาชิดติดกับเตียงยิ่งขึ้น

          "ป้าค่ะ ลุงค่ะ เขาฟื้นแล้วค่ะ เขารู้สึกตัวแล้ว" ลูน่านั่นเองที่เป็นผู้เฝ้าอยู่ข้างๆ เตียง ส่วนอีกฝั่งของเตียง เป็นป้าเนป และลุงซิก
ที่นั่งห่างออกไปนิดหน่อย  

          "รู้สึกตัวแล้วเหรอ...เจ้าหนุ่ม" ลุงซิกเขยิบใกล้เข้าไปบ้าง กะจะซักถามบางอย่างอย่างเต็มที่หากทางผู้เจ็บลืมตาตื่น แต่แล้วก็ต้องผงะ
เมื่อ....

          "เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป" หมับ!!.... "ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป...."

          เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป ผู้ชายที่ได้รับบาดเจ็บที่มานอนอาบแดดอยู่หน้าบ้านลูน่านี้คือใครกันแน่ ต้องขอให้ท่านผู้อ่าน
ติดตามกันต่อในตอนที่ 2 (ตอนท้าย) แล้วหละค่ะ


ปล. ติชมได้เช่นเคยนะคะ







บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.13 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!


Google visited last this page สิงหาคม 27, 2567, 11:29:31 AM