หน้าแรก    • ธนาคารกลาง  • ห้องแช็ท  • วิทยุออนไลน์  • ช่วยเหลือ  • ค้นหา  • เข้าสู่ระบบ  • สมัครสมาชิก  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตอนที่ 3 จุดเริ่มต้นของการผจญภัย (ตอนต้น)  (อ่าน 5440 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ว่างเปล่า...

ทร่ามกลางหมู่ดาวมากมาย มีเพียงดาวดวงเดียวที่ส่องสว่าง นั้นก็คือ...เธอ

ฉันอยากไปยังที่แห่งหนึ่ง

หญิง Thailand
 184
 101
 100



Windows XP MS Internet Explorer 8.0
« เมื่อ: ธันวาคม 08, 2553, 11:24:43 AM »



ตอนที่ 3 จุดเริ่มต้นของการผจญภัย (ตอนต้น)


          "ลั้ลลา~ล่าล้า...หืม...อืม ไม่เลวแหะใช้ได้ อิอิ"

          เสียงอ่อนหวานของคนที่กำลังส่องกระจกดูส่วนต่างๆ ของตนเองอยู่ เมื่อส่องเสร็จก็เปิดประตู ก้าวเดินไปตามทางเดิน
และไปหยุดอยู่ที่ห้องๆ หนึ่ง

          ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดัง ทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องหันมามองพร้อมกันที่ประตู ซึ่งผู้ที่อยู่ในห้องนั้น มีป้าเนป ลุงซิก
และเอนเดเมี่ยน มีเพียงเอนเดเมี่ยนที่นั่งอยู่บนเตียง ส่วนที่เหลือนั่งอยู่บนเก้าอี้

          และแล้ว เมื่อประตูที่ถูกเคาะเปิดออก ทุก ๆ คนก็ต้อง....งง....อึ้ง.....ทึ้ง

          "ลูน่า!!...ละ...หลาน" ป้าเนป งงงันไปหมดกับสิ่งที่ได้เห็น ลูน่าเปลี่ยนไป๋

          "เวทย์พลิกโฉมงั้นเหรอ...ไม่เลวนี่หลานลุง....ฮ่ะฮ่ะ..." สมเป็นลุงซิกดูแว๊บเดียวก็รู้ แต่ก็อดที่จะตกใจไปด้วยไม่ได้
เหมือนกัน

          ลูน่าที่อยู่ในคราบชายหนุ่ม ผมที่เคยยาวสลวยสีทองนั้น กลายเป็นผมสั้นเข้าทรงในแบบของผู้ชาย แต่ก็ยังไม่วายยังคง
ความสลวย และเงางาม แม้ว่าผมจะสั้นแล้วก็ตาม สีผม ใบหน้าอ่อนหวาน ริมฝีปากสีพีช และดวงตายังคงเค้าเดิม มิได้เปลี่ยน
แปลงอะไร รูปร่างก็เปลี่ยนเป็นรูปร่างเหมือนชายหนุ่มทั่วๆ ไป ส่วนสูงนั้นยังคงไว้เช่นเดิม และที่สำคัญชุดแต่งองค์ทรงเครื่องนี่
ครบเซ็ต พูดได้คำเดียว....หล่อ....หล่อแบบน่ารักโคตะระ ผู้ชายบางคนเห็นยังต้องอับอาย



          "อะ...องค์หญิง เหรอเนี่ย...หล่อ....หล่อได้ใจมั่กๆ"

          เฮ้ย เฮ้ย ชักยังไงและ ไอ้นี่ แกเพศไหนกันแน่หา...เจ้าเอนเดเมี่ยน

          "แหะๆ อะ ล้อเล่น"

          "ทรงปรีชาสามารถจริงๆ องค์หญิง ถ้าไม่รู้จักก็ดูไม่ออกเลยนะพะยะคะ"

          เมื่อเจอสายตาสังหารของลุงซิก ทำให้เอนเดเมี่ยนเปลี่ยนสีอีกแล้ว (สีม่วงเป็นสีน้ำเงิน อะไรประมาณนั้น)

          "แต่แบบนี้จะดีเหรอค่ะ จากสตรี เป็นบุรุษแบบนี้" ป้าเนปเกิดเปงกังวลอีกแล้ว

          "หามิได้ เรื่องนี้ผมจะแจ้งให้ท่านอาจารย์ทราบทางจดหมายเอง อีกอย่างการที่องค์หญิงเข้าไปเรียน ณ ยูนิคอรอส
มิมีใครล่วงรู้นอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลครับ" เอนเดเมี่ยนชี้แจงให้ป้าเนปฟัง

          "แต่ว่า มิมีใครล่วงรู้อยู่แล้วนี่ว่า องค์รัชทายาทมิได้เป็นบุรุษ แต่เป็นสตรี ทำไมจะต้องปลอมตัวด้วย....หรือว่า..."

          ป้าเนปหยุดไปพักนึงก่อนจะคิดได้

          "อืม...เพื่อการเดินทางอย่างปลอดภัย เป็นสตรีเดินทางเพียงลำพังมันจะทำให้ประสบอันตรายได้ง่าย แต่ถึงเป็นบุรุษ
ก็ต้องระวังตัวนะ หลานลุง"

          ลุงซิกเข้าใจถึงเจตนาของลูน่า

          "ค่ะ หลานทราบแล้ว หากถึงที่หมายแล้วหลานจะรีบส่งจดหมายมาบอกทันทีค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง........"

          พูดได้พักหนึ่ง ลูน่าก็หยุดไป ก่อนจะพูดต่อ

          "ลุงกับป้า รักษาสุขภาพด้วยนะคะ"
 
          ป้าเนปทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา แต่ก็พยักหน้าตอบรับพร้อมกับลุงซิก

          "ท่านเอนเดเมี่ยน ก็เช่นกัน อย่าขยับเขยื่อนมากนะคะ เดี๋ยวแผลจะเปิด" ลูน่ากล่าวพร้อมกับหันไปมอง

          "พะยะคะ องค์หญิง โปรดระวังพระวรกายด้วยองค์หญิง แล้วกระหม่อมจะรีบตามไป"

          "ถ้าเช่นนั้น...หลานขอลา" ลูน่ากล่าวลา และโค้งตัวทำความเคารพในแบบผู้ชาย ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง
เพื่อจะเปิดออก

          "ลูน่า...แล้วชื่อ....ชื่อของหลานล่ะ ตอนนี้หลานไม่ใช่ผู้หญิงแล้วนะ หลานจะต้องเปลี่ยนชื่อนะ"

          ป้าเนปรีบเตือน หากถึงที่โรงเรียน ยูนิคอรอส จะต้องลงนาม และแสดงบัตรยืนยัน ที่สำคัญทางนี้ก็จะได้ทราบว่า
ลูน่าจะใช้ชื่ออะไร จะได้ให้เอนเดเมี่ยนแจ้งไปทางนู้นได้ถูกต้อง และครบถ้วนทุกประการ

          "...ข้า...ข้ามีนามว่า....อาร์เทมิส" ลูน่ากล่าวอย่างชายชาตรี เพื่อให้สมกับบทบาท ชายหนุ่ม

          และแล้ว ลูน่า เอ้ย! ไม่ใช่สิ ตอนนี้เปงหนุ่มสวยที่ชื่ออาร์เทมิสไปแล้ว  คัท...คัท...เอาใหม่ เอาใหม่ แอ็คชั่น
เทคที่ 3 สู่เมืองหลวงมูนพาราไดซ์ บรรทัดที่ 77

          (แอะ...แอะ กลับขึ้นไปนับบรรทัดกันหรือเปล่าเนี่ย 555+)
 

          และแล้ว อาร์เทมิส ก็ได้ขี่เมเทโอออกจากบ้านอันแสนอบอุ่น (เจ้าเมเทโอก็คือ ม้า นี่เอง มีใครเดาถูกมั่งไหมน้อ)

          สู่เส้นทางที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา ปลายทางในการเดินทางของเขาคือ เมืองหลวงมูนพาราไดซ์ การผจญภัย
กำลังจะเริ่มนับจากนี้เป็นต้นไป อะไรบ้างนะที่กำลังรอคอยเขาอยู่

          "เอาหละ....ไปกันได้แล้วเมเทโอ ต่อแต่นี้ไปก็ต้องขอฝากเจ้าด้วยนะ พาฉันไปให้ถึงจุดหมายทีนะ" กล่าวพรางลูบขน
ที่แผงคอไปพราง

          การเดินทางในครั้งนี้แม้จะมีเส้นทางเด่นชัด แต่สองข้างทางนั้นเป็นป่าล้วนๆ ป่าที่ไม่คุ้นเคย เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า
มันจะมีอันตรายแบบไหนแอบแฝงอยู่ สิ่งที่เขาควรจะพกพาไปคือ ถุงหนังสัตว์สำหรับใส่น้ำไว้เผื่อกระหาย ขนมปังสำหรับ
3 วันๆ ละ 3 มื้อ แยมผิวส้มที่ป้าเนปจัดทำให้อย่างพิถีพิถัน ไม่ใส่สารกันบูดด้วยขอบอก ก็เพราะว่าชาวเฟียราเพลล่าไม่รู้จัก
คำว่า เทคโนโลยี หรือสารเคมีใดๆ แต่รับประกันได้ว่า ขนมปังของท่านจะสดใหม่ทุกเช้า หอมกรุ่นเหมือนเพิ่งแงะออกจากเตา
เหมือนขนมปังของ........ ในบ้านเรา

          (ไม่ขอเอ่ย เดี๋ยวหาว่าเป็นตัวแทนมาโฆษณา)

          เส้นทางมุ่งสู่เมืองหลวงนั้น ตามความจริงแล้วต้องใช้เวลาถึง 6 วันเต็มๆ ซึ่งก็คือจะเดินทางถึงเมืองหลวงในเช้าวันที่ 7
นับจากวันที่ออกเดินทาง และก่อนอื่น ต้องผ่านเมืองน้อยๆ เสียก่อน ซึ่งมหานครเฟียราเพลล่ามีเมืองน้อยใหญ่เยอะแยะ
ตาแป๊ะไก่ เต็มไปหมด

          ในครั้งนี้ ลูน่า ในคราบหนุ่มสวยอาร์เทมิส ก็จำต้องผ่านเมืองน้อยจำนวน 1 เมือง  นามของมันคือ โอไรออน 

          เมืองนี้นี่แหละเป็นจุดพักตุนเสบียงเพียงจุดแรก และจุดเดียวก่อนจะต้องเดินทางต่อไปให้ถึงยังที่หมาย และอาร์เทมิส
จะต้องไปให้ถึงเมืองนี้ให้จงได้

          วันแรกของการเดินทางกำลังจะสิ้นสุดลง ทุกๆ อย่างผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น อาร์เทมิสเอาเจ้าเมเทโอผูกไว้
กับต้นไม้ต้นหนึ่ง ก่อนจะผูกนั้น เขาได้ปล่อยให้มันกินน้ำที่ลำธารสายหย่อมๆ ที่พบ ให้มันพักผ่อนอย่างเต็มที่ พรุ่งนี้
จะได้มีแรงวิ่งต่อ รวมทั้งตัวเองก็ต้องพักเช่นกัน อาร์เทมิสหยิบโหลบรรจุแยมผิวส้มขึ้นมาทาขนมปัง เพื่อประทังความหิว
จากการเดินทาง และหลังจากอิ่ม เขาคงจะต้องเตรียมหาที่ซุกหัวนอนเพื่อให้ผ่านพ้นราตรีกาล ซึ่งคงจะไม่พ้นบนนั้น
บนต้นไม้ที่ผูกเจ้าเมเทโอนั่นหละ

          ความมืดเริ่มแผ่ตัวบนท้องฟ้า หลังอาทิตย์อัสดงหลบลี้ลับขอบฟ้าไป กลับกลายเป็นดวงจันทร์กระจ่างที่เผยแสง
นวลละออของมันให้ผู้ที่อยู่บนต้นไม้เฝ้ามองดูมัน กลิ่นมวลดอกไม้โชยอ่อนๆ มาตามสายลม จนมาเตะจมูก ก่อนเขา
จะค่อยๆ เคลิ้มหลับไป เขากำลังหลับลึกอยู่ และอาจจะกำลังฝันดีก็เป็นได้

          แซ่ก แซ่กแซ่ก แซ่กแซ่กแซ่ก เสียงเบาๆ บางอย่างทำให้เจ้าเมเทโอที่กำลังหลับอยู่เช่นกันตื่น มันมองไปรอบๆ
แต่ไม่พบเห็นผู้ใด นอกจากความมืดที่ล้อมรอบ

          กรรซ....แฮ่ เสียงนี้ทำให้เจ้าเมเทโอยิ่งหูตั้งเข้าไปอีก มันเป็นเสียงของสัตว์ออกล่าเหยื่อ ที่ออกมาหากินกลางคืน
และเจ้าตัวต้นเสียงก็ค่อยๆ โผล่จากความมืดให้เห็น หมาป่า...เป็นฝูง เพียบ มากันอื้อเลย

          เสร็จแน่เจ้าเมเทโอเอ๋ย งานนี้ได้เป็นอาหารจานโอชะของพวกมันหละ เจ้าเมเทโอเริ่มหลุกหลิก ตื่นตระหนก
แต่มันก็ยังหวังว่านายของมันจะลืมตาตื่นขึ้นมาช่วยมันได้ทัน แต่ไหงนายไม่ตื่นสักที ไม่เห็นวี่แววการลงมาจากต้นไม้
ของนาย แม้แต่เงาสักนิดก็ไม่มี เมเทโอเริ่มขยับแข้งขยับขา ทำนองว่าอย่าเข้ามานะ...มีเตะ

          ฝูงหมาป่ายังคงไม่ลดละ เหตุที่ว่าตนมีพวกมากกว่า ไงก็ชนะเห็นๆ นี่แหละคือที่มาของคำว่า...หมาหมู่
พวกมันค่อยๆ ย่างสามขุมเข้ามาช้าๆ แฮ่....แฮ่ กรรซ.....

          หมาป่ากว่า 10 ตัว กำลังจะรุมม้า 1 ตัว ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก

          มันเริ่มจู่โจมด้วยการกระโจนเข้าใส่เมเทโอพร้อมกัน 2 ตัว  เจ้าเมเทโอไม่รีรอดีดเข้าให้

          เปรี้ยง!! ผลัก...ผลอก  เอ็งๆ.....หงิด หงิด  เจ้าหมาป่าเสร็จไป 2 ลงไปนอนดิ้นแด่วๆ ด้วยความเจ็บปวด
เหลืออีก 8 ตัว คราวนี้จะทำยังไง ถ้าเกิดมันมาพร้อมกันหมดทั้ง 8 ตัว หืม...จะทำไงดี นายก็หลับอุตุ ไม่ตื่นสักที

          ให้มันรู้ซะบ้างม้าอย่างข้า เมเทโอ ไม่ยอมให้ไผมารุกรานง่ายๆ เมเทโอตอนนี้กลายเป็นม้าคะนองศึก
ถึกยิ่งกว่าสิงห์คะนองนาเสียอีก พรืด! พรืด! มันหายใจรุนแรง เหมือนจะขู่ขวัญคู่ต่อสู้อีก 8 ตัว ที่เริ่มจะล่าถอยนิดๆ
เมื่อเห็นสภาพพรรคพวกอีก 2 ที่เป็นหน่วยกล้าตายเมื่อตะกี้ ที่ตอนนี้เหมือนจะกลายเป็นหน่วยใกล้ตายซะแล้ว

          โอ้สวรรค์หนอ...ช่างกลั่นแกล้ง ความมีชัยดันไม่ได้เป็นของเจ้า เมเทโอ แต่ดันไปเป็นของฝ่ายหมาป่า
เมื่อดันมีกองหนุนจากไหนมาช่วยก็ไม่รู้ และบัดนี้ทัพคู่ต่อสู้มีจำนวนถึง 13 ตัว โดยที่ไม่รวมไอ้หน่วยใกล้ตายนั่น

          เสร็จกัน เมเทโอ ม้าคะนองศึก หากเป็นเช่นนี้อีกไม่กี่นาทีจะต้องกลายเป็น ม้าทหารผ่านศึก มีหวังได้ไปลงแข่ง
เฟสปิกเกมส์เป็นแน่ เผลอๆ จะไม่เหลือเค้าโครงเดิมเสียด้วยซ้ำ

          เห็นทีงานนี้จะจนแต้มเสียแล้ว ต่อให้ร้องเสียงดังแค่ไหน นายก็ไม่ยักตื่นสักนิด โอ้นายจ๋า ตื่นมาช่วยเมเทโอหน่อย
จะกลายเป็นซาซิมิเนื้อม้าอยู่แล้ว....

          ฮี้.......เสียงร้องของเมเทโอ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเสียงร้องสุดท้าย ก่อนที่จะถูกโจมตีโดยฝูงหมาป่าหิวกระหาย

          เฟี้ยว......เฟี้ยว.......เสียงสายลมพัดโหม มันพัดเอาหมาป่าตัวแล้วตัวเล่ากระเด็น กระดอน ไปต่างทิศต่างทาง

          ผลัก...ผลอก...บึก...บัก....กร๊อบ เอ็ง!....เอ็ง เอ็ง เสียงเหล่าหมาป่าร้องระงม ยามเมื่อกระแทกลงพื้นบ้าง ต้นไม้บ้าง
โขดหินบ้าง

          เจ้าเมเทโอรอดพ้นจากวิกฤต อย่างหวุดหวิด มันถึงกับพ่นลมหายใจลากยาว พรืด.......................... แสดงออกถึง
ความโล่งใจ ก่อนจะหันไปในทิศทางที่มันรับรู้ได้ว่า สายลมดังกล่าวมาจากทางนั้น

          หมู่หมาป่า อาการสะบักสะบอม พวกมันลุกกันโซซัดโซเซ สายตาหวาด ๆ มองไปทางทิศเดียวกับที่เมเทโอมอง
และแล้วสิ่งที่ทำร้ายพวกมันดูเหมือนจะขยับเขยื่อนตัว ทำเอาพวกมันสะดุ้งตัวงอ หางตกอย่างผวาๆ

          และทันใดนั้นเอง ในความมืดก็มีเงาตะคุ่ม ตะคุ่ม แน่แล้วว่าต้องเป็นสิ่งที่สร้างสายลมเหล่านั้น มาทำร้ายพวกหมาป่า
แต่ก็ไม่แน่นักว่าจะเป็นฝ่ายเดียวกับเจ้าเมเทโอหรือไม่ แม้ว่าจะไม่ได้ทำร้ายเจ้าเมเทโอก็ตามที

          เงาตะคุ่มนั้นค่อย ๆ ขยับใกล้เข้ามา เรื่อยๆ เรื่อยๆ จนโผล่พ้นความมืด เข้าสู่จุดที่แสงจันทร์ส่องเห็น

          ไม่ใช่สัตว์ประหลาด ไม่ใช่ปีศาจ ไม่ใช่ยักษ์มาร ไม่ใช่อะไร นอกจาก...มนุษย์

          เจ้าเมเทโอถึงกับถลึงตา ด้วยความงุนงง...มนุษย์ มนุษย์แน่ๆ หูที่ไม่เหมือนนายมัน รูปร่างสูงเพรียว ผมสีเทาเงินๆ
หน้าตาม้าไม่เมิน จะเมินได้ง้าย....หล่อระเบิดระเบ้อขนาดนั้น นายแบบหลงป่าหรือไงเนี่ย เครื่องแต่งองค์ก็ดูดีมีสกุล เรียกได้ว่า
ต้องเป็นถึงเจ้าขุนมูลนาย เข้าข่ายองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ขนาดหมอ.......ยังฟันธง


          มนุษย์ ผู้ที่เข้ามาช่วยเมเทโอไว้ เขาคือใคร มิตรหรือศัตรู โปรดติดตามอ่านต่อได้ใน ตอนที่ 3 จุดเริ่มต้นของ
การผจญภัย(ตอนกลาง) ค่ะ












บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.13 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!


Google visited last this page สิงหาคม 26, 2567, 10:39:27 AM