ตอนที่ 2 บุรุษผู้ถูกไล่ตาม (ตอนท้าย)
ทุกคนในที่นั้นตะลึงงัน กับการกระทำของผู้เจ็บ
"อืม....ข้าไม่ยอมน้า.....คืนนี้เจ้าต้องอยู่กับข้า.....มาม๊ะ มาม๊ะ...ทูนหัว...จุ๊บุจุ๊บุ"
"เฮ้ย....เฮ้ย!! เจ้า...เจ้านี่...ไอ้เจ้าบ้า..."
โป๊ก!!....ทุกอย่างสงบลง การกระทำทุกอย่างหยุดลงในทันใด เมื่อลุงซิกหยิบไม้กวาดที่วางหลบๆ อยู่มาแพ่นกะบาล
เจ้าหนุ่มตัวแสบ ที่โผเข้ามากอดรัดฟัดแน่น ซ้ำยังจะมา จุ๊บุจุ๊บุลุงแกอีก
"โอะ...โอ้ย!"
ผู้เจ็บทำหน้ามึนงง พร้อมกับมือที่ยกขึ้นมากุมที่หัว ด้วยความเจ็บจากการถูกด้ามไม้กวาดดุ้นๆ ฟาด บวกกับความเจ็บ
ที่มาจากแผลที่แผ่นหลัง
"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ว่ายังไงพ่อหนุ่ม รู้สึกตัวแล้วสินะ เจ้าปลอดภัยแล้วล่ะ"
ป้าเนปพูดแบบฝืนอารมณ์ขบขัน แต่ก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดซะอีก ตรงข้ามกับลุงซิก ที่เลือดกำลังขึ้นหน้าตะหงิด ตะหงิด
ไอ้เจ้านี่มันเป็นชายชาตรีหรือเปล่าเนี่ย ต้องระวังตัวเสียหน่อยแล้ว
"เมื่อรู้สึกตัวก็ดีแล้วล่ะ ข้าก็จะขอถามแบบไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลาก็แล้วกัน เจ้าเป็นใคร และเหตุใดจึงได้โดนเผ่ามารทำร้าย
มาขนาดนั้น ถ้าหากรักษาช้ากว่านี้อีกสักหน่อย เจ้าคงได้ตั๋วเที่ยวบินไปไม่กลับสู่นรกอเวจีเป็นแน่"
ลุงซิกเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาต่อชายหนุ่มผู้บาดเจ็บ
"ดูเหมือนท่านจะเป็นผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับเผ่ามารมากพอสมควรเลยนะ ท่านผู้อาวุโส ผมขอตอบคำถามแรกก่อนเลยแล้วกัน
ผมมีนามว่า เอนเดเมี่ยน อควาเรียส"
สายตาของผู้บาดเจ็บเหลือบไปเห็นป้ายตราจอมเวทย์ของตนที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ หัวเตียง
"ท่านก็คงทราบดีแล้วว่า ผมเป็นจอมเวทย์ แห่งยูนิคอรอส เพราะพวกท่านมิใช่แค่ชาวบ้านธรรมดา ธรรมดา พวกท่านคงจะเป็น
จอมเวทย์ อาการบาดเจ็บของข้านั้น ผู้ที่จะสามารถรักษาได้ มีเพียงจอมเวทย์วารี และจอมเวทย์จรัสแสงเท่านั้น ซึ่งจอมเวทย์จรัสแสง
นั้น ขณะนี้เหลือเพียงอาจารย์ของข้าเท่านั้น ผู้ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์ ยูนิคอรอส ซึ่งไม่มีทางที่ท่านจะมาอยู่ ณ ที่
แห่งนี้ได้"
"ตามที่เจ้าว่ามานั้น นับว่าเจ้ามีความสามารถในการคาดเดาดีเยี่ยม ถูกต้องแล้ว พวกเราเป็นจอมเวทย์ และผู้ที่รักษาเจ้าก็เป็นข้าเอง"
"ข้าขอขอบพระคุณพวกท่านเป็นอย่างมาก ที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้"
เขาพูดต่อไปอีกว่า
"ส่วนเหตุที่ผมได้รับบาดเจ็บเยี่ยงนี้ สาเหตุมันเริ่มมาจากการที่ผมรับรู้ได้ว่า ผมถูกลอบติดตามมาตลอด ตั้งแต่ออกเดินทางมาจาก
เมืองหลวง มูนพาราไดซ์ ผมจึงล่อมันออกไปอีกทาง แล้วปล่อยให้ผู้ส่งสารมาส่งสารให้ถึงจุดหมายปลายทางเสียก่อน แต่ไม่ว่าจะไปที่ใด
มันก็ยังไม่เลิกลา จนผมชักจะเบื่อ แล้วก็เหนื่อยที่จะวิ่งหนี เลยหันมาเจรจาแทน แต่เจ้าคนที่ติดตามมันก็ดันพูดจาไม่เสนาะหู ผมดูหน่วยก้าน
แล้ว ผมพอจะสู้กับมันได้สบายๆ แต่ประมาทไปนิด ก็เลย..."
"ก็เลย ปะ ฉะ ดะ จนมีสภาพล่องแล่งเยี่ยงนี้ สินะ"
ลุงซิกต่อคำพูดที่เหลือให้ พร้อมด้วยการส่ายหัว ช่างเป็นจอมเวทย์ที่ใจร้อนวู่วาม ซ้ำยังขาดการใช้สติในการอ่านทางคู่ต่อสู้ และอาวุธ
ของคู่ต่อสู้ ประสบการณ์ในการต่อสู้กับเผ่ามารก็คงจะน้อยนิด เผลอๆ ก็ไม่เคยต่อสู้กับเผ่ามารด้วยซ้ำไป
"แหะ แหะ"
ผู้นั่งอยู่บนเตียงยิ้มแห้งๆ ด้วยว่ารู้ตัวเองดีว่า ตนก็มีส่วนผิด จริงๆ แล้วผิดเต็มประตูด้วยซ้ำ ก็เพราะตนเองไม่เคยต่อสู้กับเผ่ามาร
มีเพียงความรู้ที่ได้จากหนังสือ และจากปากของอาจารย์เท่านั้น แล้วยังจะริอาจไปต่อกร โดยพกพาความประมาทไว้อีกตะหาก
"พวกท่านคงจะได้รับจดหมายสารจากทางราชวังเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว ผมคือผู้ที่จะมาเชิญเสด็จองค์หญิง ลูน่า ไลท์ แชนดร้า
ตามที่จดหมายดังกล่าวได้ระบุเอาไว้ และท่านคือ...."
ผู้เจ็บหันไปมองทางลูน่า ที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ มาตั้งแต่ต้น เขาเชื่อมั่นว่าลูน่านี่แหละ คือองค์หญิงที่ตนต้องเชิญเสด็จไปยัง
เมืองหลวง เพื่อเข้าศึกษาที่ ยูนิคอรอส ที่เขารู้ก็เพราะว่า ใบหน้า และสีผมของเธอช่างดูละม้ายคล้ายคลึงกับองค์ราชินี ที่เค้าเคย
เข้าเฝ้าพร้อมบิดาเมื่อครั้งยังเด็ก ช่างเหมือนกันจริงๆ...
"ถูกต้องแล้ว นางคือ ลูน่า องค์หญิงรัชทายาทแห่งราชวงศ์แชนดร้า"
ลุงซิกเฉลยคำตอบที่ ผู้เจ็บต้องการคำยืนยันเพื่อความแน่ใจ ว่าตนไม่ได้คิดผิด
"ถ้าเช่นนั้น...กะ...โอ้ย"
เอนเดเมี่ยนผู้เจ็บ พยายามจะลุกขึ้นมาทำความเคารพ ทั้งๆ ที่แค่การลุกขึ้นมานั่งก็ลำบากจะแย่แล้ว
แล้วจะลุกขึ้นมายืนได้อย่างไร
"เดี๋ยวค่ะ ท่านจะทำอะไรน่ะ ท่านยังลุกไม่ได้นะคะ เดี๋ยวบาดแผลก็เปิดหมดหรอก หากท่านต้องการอะไร ข้าจะจัดมาให้
แต่หากต้องการจะไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวขาจะช่วยพะยุงท่านไปยั่งห้องน้ำ"
ลูน่าพูดพรางเข้าไปพะยุงร่างของเอนเดเมี่ยน
"กะ...กระหม่อมมิกล้า เพียงแต่จะลุกขึ้นทำความเคารพองค์หญิง"
เอนเดเมี่ยนพูดจาอย่างนอบน้อม ดูช่างสุภาพนัก ผิดกับตอนละเมอเมื่อตะกี้ลิบลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ไอ้เจ้านี่ อย่างกับคนละคนเลย...หือ...หรือมันคิดไม่สื่อกับหลานรักของเรา หึหึ ลองมาแหยมสิ มันจะได้ลิ้มรส เวทย์ของ
จอมเวทย์พฤกษาอย่างข้า
เสียงคิดในใจของลุงซิก ในมือถือไม้กวาดกำแน่น ถ้าเกิดเอนเดเมี่ยนทำอะไรที่ดูไม่งามตากับลูน่าล่ะก็ เป็นได้โดนโฮมรัน
แน่ๆ งวดนี้
"หา!!...มะ ไม่ต้องหรอกค่ะ หนู...หนูไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นองค์หญิงที่ใจคอคับแคบ ไม่มีความเป็นห่วงเป็นใย ผู้ที่อุตส่าห์
เดินทางไกลมาเพื่อ นำทางไปยังเมืองหลวง ที่เกิดได้รับบาดเจ็บขณะเดินทางมาที่แห่งนี้ อีกอย่าง ควรจะกล่าวขอบพระคุณด้วยซ้ำไปค่ะ
ที่ยังอุตส่าห์มาถึง และที่ยังไม่สิ้นชีพไปเสียก่อน แม้ว่าท่านจะไม่สามารถนำทางได้ยังที่ท่านต้องการก็ตาม"
ลูน่าพูดห้ามปราม มิให้เอนเดเมี่ยนที่กำลังพักฟื้นต้องขยับตัว ทั้ง ๆ ที่ยังเจ็บอยู่
"หามิได้องค์หญิง กระหม่อมเพียงแต่ทำตามหน้าที่ด้วยความเต็มใจยิ่ง แต่ที่องค์หญิงทรงตรัสตอนท้ายนั้น..."
เอนเดเมี่ยนรู้สึกงุนงง กับคำพูดทิ้งท้ายของลูน่า
"ท่านบาดเจ็บสาหัส และต้องอยู่พักฟื้นอีกเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ตามคำของป้าเนป และหนูก็หวังเช่นนั้นด้วย โปรดพักจนหายดี
ก่อนเถิดค่ะ ส่วนเรื่องการเดินทางไปเมืองหลวงนั้น หนูจะไปเองค่ะ"
ลูน่าชี้แจงอย่างชัดถ้อยชัดคำ เธอได้ตัดสินใจเป็นอย่างดีแล้ว
"หา!!...." ยังไม่ทันที่เอนเดเมี่ยนจะพูดอะไรต่อ
"ได้อย่างไรกัน ลูน่า หลานไม่เคยเดินทางไกลไปเมืองอื่นมาก่อน ป้า...."
ป้าเนปแย้งขึ้นมาทันที แต่ก็ต้องหยุด เพราะมือของลุงซิกที่ยกขึ้นมาห้ามป้าเนป
"เนป หลานของเราโตแล้วนะ นางเรียนรู้ทุกอย่างมากมาย ทั้งศาสตร์เวทย์เบื้องต้น ศาสตร์พื้นฐานการป้องกันตัวโดยใช้
อาวุธหลากชนิดที่ฉันเป็นผู้สอน และภูมิศาสตร์ของมหานครเฟียราเพลล่าทั้งหมด ทั้งยังเรียนของมหานครอื่นๆ ไปแล้วบางส่วน
พวกเราก็อาศัยกันอยู่ในป่าอยู่แล้ว เธอย่อมเรียนรู้การเอาชีวิตรอดตามธรรมชาติ ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลหรอก หลานของเราไม่ใช่
องค์หญิงที่อยู่แต่ในวัง เหมือนองค์หญิงทั่วไปนะ ลุงพูดถูกไหม...หลานคนเก่งของลุง"
ลุงซิกร่ายสรรพคุณของหลานรักเสียยาวยืด ก่อนจะฉีกยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวของหลานคนนี้
"ค่ะ หนูมั่นใจ ว่าหนูต้องทำได้ค่ะ หนูต้องไปถึงเมืองหลวงได้อย่างแน่นอนค่ะ ลุงซิก ป้าเนป ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ เมื่อถึง
เมืองหลวง และอะไรๆ เรียบร้อยดีแล้ว หนูจะรีบเขียนจดหมายมาบอกทันทีเลยค่ะ"
ลูน่ารับคำก่อนจะมองผู้เป็นลุง และป้า แต่ทว่าป้าเนป ดูสีหน้าป้าแกยังคงเป็นห่วง และเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย
"นะคะป้าเนป...หนูไปเองได้จริงๆ ค่ะ" ลูน่าย้ำคำ เพื่อให้ป้าของตนเกิดความมั่นใจในตัวตนเอง
"ไม่!!"
"ไม่ได้....ป้าไม่ยอมเด็ดขาด"
"ป้าไม่ยอม...เว้นแต่ ลูน่าจะต้องนำเจ้า เมเทโอไปกับหลานด้วย"
ป้าเนปทำท่าเหมือนจะไม่ให้ แต่ก็เสนอเงื่อนไขที่คิดว่าเป็นผลดีแก่การเดินทางของ ลูน่า
"อิอิ...ค่ะ...ขอบคุณค่ะป้าเนป และก็ลุงซิกด้วย ท่านก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ท่านเอนเดเมี่ยน ท่านพักฟื้นให้หายดีก่อน
แล้วท่านค่อยเดินทางตามไปทีหลัง น่าจะเป็นการดีกว่านะคะ"
ลูน่าพูดพร้อมกับมองแต่ละคน และไปหยุดที่เอนเดเมี่ยน ผู้นั่งอยู่บนเตียง
"อะ...เอ่อ...น้อมรับคำบัญชา สุดแต่พระประสงค์ขององค์หญิง" เอนเดเมี่ยนรับคำ
"...อ่า...ไม่ค่อยจะชินกับคำพูดแบบนี้เลย พูดกันแบบธรรมดาก็ได้มังค่ะ ท่านเอนเดเมี่ยน"
ลูน่ารู้สึกอายๆ ชอบกลกับคำพูดที่ดูแล้วตนเองเหมือน องค์หญิงในเทพนิยายซะจริงๆ ไม่เคยมีใครพูดกับเธอแบบนี้ มันก็ต้อง
รู้สึกแปลกๆ เป็นเรื่องธรรมดา
"ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ค่อยๆ ฝึกไว้ นะ ลูน่า เพราะหลานเป็นองค์หญิง อีกหน่อยก็ต้องได้ยินคำเหล่านี้อีกมากนักนะ" ป้าเนปกล่าว
"นั่นสิ เจ้าหนุ่มนี้เค้าทำถูกต้องแล้ว สำหรับการกล่าวกับผู้ที่เป็นองค์หญิงรัชทายาทของมหานครแห่งนี้ อีกหน่อยลุงกับป้า
ก็ต้องพูดเช่นนั้นเหมือนกัน"
ลุงซิกกล่าวอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของป้าเนป
"...ค่ะ หลานจะฝึกเอาไว้ แต่ถ้าท่านเอนเดเมี่ยนอยู่กับหลาน โดยไม่มีคนอื่นเห็น ไม่ต้องพูดคำราชาศัพท์ก็แล้วกันนะคะ อิอิ"
เมื่อลูน่าพูดจบ ลุงกับป้าต่างมองหน้าหลาน โตแล้วจริงเร้อ ยังดูออกจะทะเล้นอยู่เลยนะ ลูน่า
ลูน่าจะออกเดินทาง สู่เมืองหลวง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ขอเชิญร่วมเดินทางไปกับเธอได้ใน ตอนที่ 3 (ตอนต้น) ค่ะ ---------------------------จบตอนที่ 2 จ้า---------------------------
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้ และขอหวังว่าจะติดตามกันต่อไป
ติ ชม ได้นะคะ
----------------------------จากใจ ผู้เขียน----------------------------