ตอนที่ 1 บ้านและครอบครัวอันแสนอบอุ่น (ตอนท้าย)
ในตอนนั้นป้ากับลุง และจอมเวทย์ทั้งหมด และองค์ราชาก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกเราทุกคนหวังจะร่วมมือกันเพื่อโค่นโคลว์
แต่โคลว์มีลูกศิษย์ และสมุนที่แข็งแกร่ง มิอาจชนะได้โดยง่าย ระหว่างที่พวกเรากำลังต่อสู้กันอยู่นั้น องค์ราชาทรงเผชิญหน้า
กับโคลว์เพื่อหวังจะทำให้โคลว์ล้มเลิกความคิด และยุติทุกสิ่ง แต่คำตอบที่องค์ราชาได้ทรงรับคือ
"ความมืดเอ๋ย...จงถาโถมเข้าสู่คนผู้นี้ และจงกลืนกินคนผู้นี้....แบล็คโฮล์"
องค์ราชามิใช่ผู้ที่สามารถต่อต้านพลังมืดได้ พระองค์ทรงเป็นไนท์เมจิก ซึ่งศาสตร์เวทย์ของพระองค์มิได้แข็งแกร่งพอ
ที่จะต่อกรกับจอมเวทย์ได้ พระองค์ทำได้เพียงต้านพลังเอาไว้โดยการอัญเชิญเวทย์ธาตุมาสถิต ณ ดาบ โคลว์เร่งพลังเวทย์ขึ้นอีก
เพื่อหวังจะปลิดชีพองค์ราชาให้จงได้ และแล้วเวทย์สถิตที่ดาบก็สลายไป เหลือเพียงดาบที่ต้านพลังเวทย์ของโคลว์ ไม่มีทางที่
ดาบธรรมดาจะต้านมันได้ ดาบค่อยๆ ถูกความมืดกลืนกิน
เมื่อองค์ราชินีเห็นท่าไม่ดีนัก จึงรีบวิ่งเข้ามาขวางระหว่าง องค์ราชา กับโคลว์ ทำให้โคลว์หยุดการโจมตี
"พระนาง มิควรเข้ามา...ทุกๆ ครั้งที่กระหม่อมมองพระนางขณะที่พระนางทรงประทับอยู่เคียงข้างองค์ราชา กระหม่อม
รู้สึกชิงชัง อิจฉา เจ็บปวด และโกรธแค้น ทำไม...ทำไมถึงไม่เป็นกระหม่อม ที่เป็นผู้ได้อยู่เคียงข้างพระนาง"
ความเงียบเข้าปกคลุม 3 คน ในบ้านหลังเดิมอีกครั้ง ก่อนที่ป้าเนปจะกล่าวต่อ
ไม่เคยเลย ป้าไม่เคยเห็นสายตาแบบนั้นของโคลว์มาก่อนเลย มันเป็นสายตาที่ฉายความรัก ความปรารถนา ความเจ็บปวด
ที่สำหรับดโคลว์แล้ว ทำได้แค่เพียงเฝ้ามองผู้ที่ตนรักอยู่ห่างๆ อะไรที่ทำให้โคลว์เลือกที่จะหักหลัง อะไรที่ทำให้โคลว์เกิดความรัก
และปรารถนาต่อองค์ราชินีถึงเพียงนี้
ในเมื่อผู้ที่โคลว์เคยเคารพนับถือมาโดยตลอด เป็นพระสวามีของพระนาง เรียกได้ว่าโคลว์เป็นผู้ที่เทิดทูนองค์ราชามากที่สุด
ก็ว่าได้ แต่บัดนี้ความมืดได้เข้าครอบครองจิตใจของโคลว์อย่างหมดสิ้นแล้ว เมื่อองค์ราชินีตรัสตอบกับโคลว์
"เราขอบอกความจริงแก่ท่านว่า เรามิเคยปันใจให้แก่ผู้ใด หนึ่งเดียวที่อยู่ในหัวใจของเรามีเพียงพระสวามีของเราเท่านั้น
และท่าน...โคลว์ ท่านเปรียบเสมือนมิตรสหาย เปรียบเสมือนพี่น้องของพระสวามีของเรา รวมถึงเราด้วยเช่นกัน เหตุใดท่านถึงยอมให้
ความมืดเข้าครอบงำจิตใจเล่า เห็นแก่ความสัมพันธ์อันยาวนาน ของพระสวามีของเรา และจอมเวทย์ท่านอื่นด้วยเถิด"
โคลว์นิ่งงัน ไม่ทูลตอบใดๆ สิ่งที่เป็นคำตอบจากโคลว์ คือความมืดที่แผ่ขยายจากตัวของเขาเอง มันค่อย ๆ กลืนกินทุกคน
จอมเวทย์คนอื่นๆ ที่กำลังต่อสู้ สมุนของโคลว์บางคนที่กำลังต่อสู้ด้วยเช่นกัน และในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนกกับความมืดนั้น
"อ่อก!....คะ....โคลว์....จะ...เจ้า"
ทุกคนที่ยังเหลือรอดจากความมืด หันไปตามต้นเสียง และก็ต้องตกใจกับภาพที่ได้เห็น องค์ราชาถูกโคลว์เอามีดสั้นสีดำสนิท
แทงที่ท้อง บัดนี้มีดสั้นสีดำนั้นถูกย้อมไปด้วยสีแดงของเลือด องค์ราชินีตื่นตระหนกอย่างที่สุด พระนางเรียกสติของตนกลับคืน
และหวังจะใช้คฑาแห่งแสง เพื่อช่วยองค์ราชาผู้เป็นพระสวามี พระนางกำลังจะร่ายเวทย์ แต่แล้วพระนางก็ต้องทรุดตัวลง
เมื่อมีผู้หยิบยืนความเจ็บปวดแสนสาหัสแก่พระนาง ผู้นั้นคือศิษย์เอกของโคลว์ ศิษย์ผู้ภักดี
โคลว์เบิกตากว้างกับสิ่งที่ศิษย์กระทำ ความโกรธพุ่งขึ้นสูงสุด ความมืดเริ่มกัดกินอีกครั้ง ดวงตาของโคลว์เปี่ยมไปด้วย
ความโกรธ ดวงตาแดงดั่งมารร้าย โคลว์ไม่ลังเลใดๆ
"เจ้า!....เจ้ามันโง่!.....จงตายซะ!.....ข้าขอสาปส่งเจ้าให้ตกสู่ห้วงเหวแห่งความมืด จงสูญสลายไปเฉกเช่นฝุ่นละอองที่ไร้ค่า..."
ขณะที่โคลว์ร่ายเวทย์ ศิษย์คนนั้นก็ค่อยๆ ได้รับความเจ็บปวด ดิ้นทุรนทุราย
"อ๊าก.....อั่ก......อะ....อา...จารย์....ขะ...ข้า....ผิด"
ยังไม่ทันที่ศิษย์คนนั้นจะพูดจบ ร่างของเค้าก็ค่อยๆ สลายกลายเป็นฝุ่นละออง มันเป็นภาพที่อาจจะไม่สยดสยอง แต่ก็ทำให้
ผู้อยู่ในเหตุการณ์พากันขนลุก และหวาดหวั่นไปตามๆ กัน
"อึก....เซ...เรน....." องค์ราชาที่กำลังเดินเข้ามาหาองค์ราชินีที่ได้รับบาดเจ็บไม่แพ้กัน
"ละ...ลูฟวร์..."
องค์ราชินีที่ประทับอยู่ที่พื้น ยื่นพระหัตถ์ ไปทางพระสวามีของตน
โคลว์ที่หันมาเห็นภาพตรงหน้ายิ่งบันดาลโทสะมากกว่าเดิม
"พอกันที!!....ข้าจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น"
ความมืดที่หยุดไปชั่วขณะ เริ่มเยื้องย่างความหายนะให้แก่ผู้เหลือรอดที่เหลือ ทำให้องค์ราชินีต้องตัดสินใจที่จะกระทำการ
ขั้นสุดท้าย เพื่อปกป้องรัชทายาทองค์น้อยเอาไว้
"ซิกนัส! เนปจูน! เบเรนิซส์!"
พระนางทรงเรียกลุงกับป้า และจอมเวทย์อีกคนที่เหลือรอด องค์ราชาก็ทรงทอดพระเนตรมาเหมือนจะฝากความหวังสุดท้าย
เอาไว้ที่เรา 3 คน
"เราขอฝากด้วยนะ...." ได้ยินพระองค์ตรัสเพียงแค่นั้น ก่อนที่องค์ราชาจะทรงถูกความมืดกลืนกินไป
"ไม่...ไม่...องค์ราชา!!..." "ม่าย....ลูฟวร์"
เราสองเกรงว่าองค์ราชินีจะถูกกลืนกินไปด้วย แต่โคลว์ขวางทางอยู่ บัดนี้โคลว์ไม่มีสติใดๆ ดวงตาแดงก่ำดั่งเลือดสดๆ และยืน
เบิกตานิ่งเหมือนจะบ่งบอกว่า ผู้ใดที่เข้าใกล้อย่าหวังว่าจะได้ผ่านไปง่ายๆ
"โปรดรอสักครู่เถิดองค์ราชินี พวกเราจะไปช่วยเดี๋ยวนี้แล้ว ขอเพียงพระนางทรงทำพระทัยดีๆ ไว้ อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะพะยะคะ"
เบเรนิซส์ ตั้งท่าเตรียมรับมือการต่อสู้กับโคลว์ รวมถึงพวกลุงกับป้าด้วยเช่นกันแต่....
"หยุด...อย่า...จงฟังคำของข้า 3 โล่พิทักษ์ราชันย์ พวกท่านมีหน้าที่ที่ควรจะต้องกระทำมากกว่าที่จะมาปกป้องข้ามิใช่หรือ
รัชทายาทเพียงพระองค์เดียวกำลังตกอยู่ในอันตราย ความมืดกำลังดูดกลืนปราสาทแห่งนี้ สิ่งที่ท่านต้องปกป้องมิใช่ข้า แต่เป็น
รัชทายาทผู้มีเชื้อสายแห่งราชวงศ์แชนดร้า จงทำหน้าที่ของท่านเถิด"
"แต่ว่าองค์ราชินีทะ..."
"นี่เป็นคำสั่งแห่งองค์ราชินี....และนี่...คือคำขอครั้งสุดท้ายของข้า"
เบเรนิซส์กัดฟันด้วยความเจ็บใจที่ไม่อาจปกป้ององค์ราชา และองค์ราชินีไว้ได้ ก่อนจะวิ่งฝ่าออกไปด้วยการใช้เปลวเพลิง
เบิกทาง ส่วนลุงกับป้ายังคงตระหนก และลังเลกับสิ่งที่พระนางเอ่ย
พระนางจึงร่ายเวทย์แห่งแสงเพื่อเบิกทางให้ โดยไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
"ไป...ไปสิ...ไปช่วยลูกของข้า...หากลูกของข้าเป็นอะไรไป ข้าจะไม่ให้อภัยพวกเจ้า....เนปจูน...สัญญากับข้าสิ
ซิกนัส...สัญญามาว่าจะดูแลลูกข้าให้ดี เหมือนที่พวกเจ้าดูแลข้า และองค์ราชามาโดยตลอด"
เสียงที่แสดงความอ่อนไหวอยู่เช่นกัน แต่ก็เปล่งออกมาด้วยความเข้มแข็ง คนทั้งสองทำอะไรไม่ได้นอกจาก
กำมือของตนแน่น
"ขะ...ข้า พวกเราสัญญาด้วยเกียรติแห่งโล่พิทักษ์ราชันย์"
ลุงพูดจบก็ดึงมือป้าเพื่อจะไปทำตามคำสัญญา ก่อนที่จะวิ่งฝ่าไป คำสุดท้ายที่ได้ยินองค์ราชินีตรัส
"ฝากบอกเขาด้วย....ว่าข้า.....จะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ..."
ป้าหันมามององค์ราชินีที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไป ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าพระนางจะมีพระพักตร์เช่นไร พระนางจะ
ทรงกรรแสงไหม ความมืดค่อยๆ บดบังจนมิอาจมองเห็นพระนางได้อีก"
"ถะ...ถ้าเช่นนั้น...เสด็จแม่ของข้าหละ....ท่านยังมีชีวิตอยู่ไหมค่ะป้าเนป..."
หลานสาวเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นเทา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำตอบที่ได้รับจะเป็นคำตอบที่บอกว่า ใช่...แม่เธอยังมีชีวิตอยู่
แต่สิ่งที่ป้าเนปตอบแก่หลานได้มีเพียงสายตาที่แสนเศร้า เพียงเท่านั้นเธอก็ไม่กล้าถามอะไรอีก ได้เพียงแต่ภาวนาให้แม่เธอ
ยังคงปลอดภัย และยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น
"ลุงซิกค่ะ ป้าเนปค่ะ หนู...ไม่มีวันที่จะโกรธ หรือเกลียดลุงกับป้าหรอกค่ะ เพราะมันไม่ใช่ความผิดอันใดเลยของลุงกับป้า
หนูเข้าใจดีค่ะ และหนูก็เชื่อว่าเสด็จพ่อ กับเสด็จแม่ท่านก็ต้องคิดเหมือนหนูเช่นกัน"
คำพูดของลูน่า บ่งบอกว่าเธอโตแล้ว โตพอที่จะกล้ายอมรับมัน และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน
โลกแห่งความจริงมิได้เหมือนในนิยาย ยังมีเรื่องราวมากมายที่เธอต้องพบเจอ แน่นอนไม่มีวันที่เราจะพบเจอแต่เรื่องดีๆ
ไปตลอด ถ้าคนเราไม่พบเรื่องร้าย ๆ จะรู้จักกับคำว่าเรื่องดีๆ ได้อย่างไร
เมื่อลุงซิก และป้าเนปได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูน่าฟังจนครบถ้วนแล้ว ทั้ง 2 ต่างปลื้มใจ ภูมิใจ และรู้สึกขอบใจหลานรัก
ของตนเป็นอย่างมาก เธอช่างมีความละม้ายคล้ายเสด็จแม่ของเธอมิมีผิดเพี้ยน
"ลูน่า" ลุงซิกเรียกพลางยื่นซองสีเหลืองนวลที่มีตราราชสำนักให้แก่ลูน่า เธอรับมันมา และพินิจพิจารณาดูซองจดหมายนั้น
ด้านหลังซองมีชื่อของเธอเขียนอยู่ แสดงว่ามันถูกส่งมาถึงเธอ เธอเงยหน้ามองลุงซิก และป้าเนป เหมือนจะบอกว่าจะเปิดอ่านแล้วนะ
เรียน องค์หญิง ลูน่า ไลท์ แชนดร้า กระหม่อม มีนามว่า เบเรนิซส์ เจเนเซ่ หนึ่งใน 7 โล่พิทักษ์ราชันย์ จอมเวทย์แห่งไฟ
ท่านอาจมิเคยพบกระหม่อม เนื่องด้วยกระหม่อมมิเคยเข้าเฝ้าแม้เพียงครั้ง แต่ครั้งนี้กระหม่อมจำต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
ตามพันธะสัญญาที่ให้ไว้แก่องค์ราชาลูฟวร์ ไลท์ แชนดร้า และองค์ราชินีเซเรน่า ไลท์ แชนดร้า ผู้เป็นพระราชบิดา และพระราชชนนี
ของท่าน บัดนี้ได้เวลาอันสมควรแล้วที่องค์หญิงจะได้รับการเข้าศึกษาศาสตร์แห่งเวทย์ขั้น 2 กระหม่อมได้เตรียมการเป็นที่เรียบร้อย
แล้ว เพื่อมอบหมายให้ทางโรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์เป็นผู้ให้ความรู้ต่างๆ แก่ท่าน
โปรดถือว่านี่เป็นความหวังดีของกระหม่อมที่ต้องการให้องค์หญิงได้รับในสิ่งที่ดีที่สุดด้วยเถิด กระหม่อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
องค์หญิงจะทรงโปรดเสด็จมาเรียน ณ โรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์นี้ ซึ่งโรงเรียนดังที่กระหม่อมได้กล่าวมานี้มีนามว่า โรงเรียนศาสตร์
แห่งเวทย์ ยูนิคอรอส ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ ณ เมืองหลวงของมหานครเฟียราเพลล่า กระหม่อมได้ส่งผู้ที่จะนำทางแก่องค์หญิง
ไปพร้อมกับผู้ที่เดินทางไปส่งจดหมายฉบับนี้ คนผู้นั้นจะเป็นผู้จัดการทุกอย่างให้แก่ท่านทั้งหมด
หากท่านประสงค์สิ่งใด สามารถเรียกใช้เขาได้ตามพระประสงค์ เมื่อท่านอ่านจดหมายฉบับนี้เป็นอันบริบูรณ์แล้ว โปรดเผามัน
ทิ้งเสีย เพื่อป้องกันผู้อื่นพบเห็นหรืออ่าน และเพื่อความปลอดภัยของตัวท่าน ปล. (จดหมายราชสำนักมันมีปล. ด้วยเหรอ เหอะๆ)
โปรดเอาสิ่งที่แนบมาด้วยติดตัวท่านไป เพื่อยื่นต่อทางโรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์ ยูนิคอรอส
สิ่งที่แนบมาด้วยในซองคือ บัตรสีทอง ที่ถูกหุ้มด้วยกรอบแก้ว มีลวดลายสวยงามตามขอบของบัตร มีตัวอักษรสลักเอาไว้ว่า
ผู้ที่ถือบัตรใบนี้ คือผู้ที่ได้รับการรับรองว่า เป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาที่โรงเรียนศาสตร์แห่งเวทย์ ยูนิคอรอส ด้านหลังของบัตร
ไม่มีอะไรเขียน หรือสลักไว้
"หนูจะไปค่ะ" ลูน่าเอ่ยออกมา ทำให้ลุงซิก และป้าเนปถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดว่า
"ได้เวลาที่หลานจะไปจากเราแล้วสินะคะ....ที่รัก" ป้าเนปกล่าว ผู้เป็นลุงจึงเสริมต่อว่า
"หลานเราโตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย....เป็นสาวแล้วสินะ ฮ่ะฮ่ะ" ลุงซิกกล่าวพร้อมหัวเราะปิดท้าย
"ลุงซิกหละก็...คิก คิก"
ลูน่าเกิดอาการเขิลพักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะไปกับลุงซิกด้วย เป็นอันตกลงว่าลูน่าจะไปเรียนที่ๆ เบเรนิซส์ จอมเวทย์แห่งไฟ
เชื้อเชิญ ว่าแต่ว่าทำไมไม่บอกอะไรเกี่ยวกับการนัดหมายกับผู้ที่จะนำทางเลยหละเนี่ย ลูน่าคิดอยู่ในใจ แต่ทว่าเสียงท้องร้องนี่สิ
"ป้าเนปจ๋า....หนูหิวแล้ว วันนี้มื้อเย็นมีอะไรน้า..."
พูดพรางโผกอดคอป้าเนป บนใบหน้าของคนทั้ง 3 ตอนนี้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง และมันเป็นรอยยิ้มที่
บ่งบอกได้ว่า นี่แหละครอบครัวที่แสนอบอุ่น
หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก...ลูน่า...ตอนต่อไปเธอจะเจอกับเหตุการณ์เช่นไรกันนะ ต้องติดตามกันต่อไปค่ะท่านผู้อ่าน-------จบตอนที่ 1 แล้วนะคะ-------
ยังไงเราก็ขอรบกวนท่านผู้อ่าน หรือท่านผู้เขียนท่านอื่น
ติ ชม หรือให้คำแนะนำได้นะคะ
ส่วนตอนต่อไป ตอนที่ 2 จะค่อยๆ ทะยอยลงค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
-------จากใจ ผู้เขียน-------