หัวข้อ: ตอนที่ 7 ผู้ที่ได้ชื่อว่า...มหาเวทย์ (ตอนกลาง) เริ่มหัวข้อโดย: •♫♪มู๋nsะต่าe♫♪• ที่ มกราคม 11, 2554, 11:50:45 AM ตอนที่ 7 ผู้ที่ได้ชื่อว่า...มหาเวทย์ (ตอนกลาง) "อ่อ...เรื่องอาร์เทมิสหนะเหรอ อืม...ไปถามท่านผู้นั้นเอาเองน่าจะดีกว่านะ ฮ่ะ ฮ่ะ..." เสียงโฮ่ดังลั่น เหมือนกับว่าทุกคนจะโฮ่พร้อมกันแบบประสานเสียง ถึงกระนั้นเอนเดเมี่ยนก็ดูเหมือนจะสนุกกับการเห็นสีหน้าที่อยากรู้ และผิดหวังที่ไม่ได้รับคำตอบไปพร้อมๆ กัน แต่จริงๆ แล้วมันยิ่งกว่านั้นอีก เอนเดเมี่ยนรู้สึกได้ว่า จะต้องมีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน นั่นหละที่ทำให้เขา หัวเราะออกมาเช่นนั้น "เอาหละอย่านอกเรื่อง นี่ยังไม่ได้เริ่มเข้าสู่บทเรียนกันเลยนะ คนต่อไปมาได้แล้ว" เอนเดเมี่ยนเอ่ย และแล้วก็ถึงคราวของหอไกอา ที่จะมาผนึกวิถีเวทย์ ซึ่งต่างก็ค่อยๆ ทยอยเรียงกันไปตามลำดับชื่อที่ถูกประกาศ "คนต่อไป....คอร์วีแด มิราจ์ช" เอนเดเมี่ยนขานชื่อที่อยู่ในกระดานเวทย์ "เริ่มกันเลยนะ" เอนเดเมี่ยนกล่าวพร้อมส่งสุริยันจันทราพิชิตให้ คอร์วีแดรับมันมา วางไว้ที่ฝ่ามือ และแล้วมันก็เปล่งแสงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ วูปดับลง เมื่อแสงหายไป เผยให้เห็นซึ่ง หินสีดำทมิฬวาววับอยู่ ณ ฝ่ามือนั้น "หึหึ วันนี้มันเป็นวันอะไรกันเนี่ย ข้าถึงได้เจอแต่เรื่องประหลาดใจเช่นนี้ถึง 3 ครั้ง" เอนเดเมี่ยนกล่าวก่อนจะพูดต่อไปอีก "เมื่อใดที่พลอยสีนิลอันเงางามปรากฎแทนที่ แสดงซึ่งผู้ที่มีธาตุแห่งความมืดสถิตอยู่ และผู้นั้นก็คือเจ้า คอร์วีแด น้อยคนนัก ที่จะมีธาตุมืดสถิต ถ้าไม่ใช่มีมาตั้งแต่กำเนิด ก็เป็นเพราะคนผู้นั้นถูกความมืดเข้าครอบงำจิตใจ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นแบบแรกสินะ เพราะสีนิลที่ดำสนิทไม่มีแปรปรวนนี่ คือหลักฐานว่าเจ้ามีรากฐานเวทย์ธาตุมืดอย่างจริงแท้ และแน่นอน" เอนเดเมี่ยนกล่าวตบท้าย "เป็นเช่นนั้นจริง ท่านแมจิก" คอร์วีแดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะกล่าวตอบ และเอนเดเมี่ยนก็รับสุริยันจันทราพิชิตคืนจากคอร์วีแด ก่อนจะเรียกคนต่อๆ ไป "เอาหละ เท่านี้ก็ผนึกวิถีเวทย์กันหมดทุกคนแล้วนะ งั้นเรามาเริ่มเข้าสู่บทเรียนของวันแรกกันเลย ก่อนจะเลื่อนขั้นมาเป็น เมจขั้นต้น พวกเจ้าได้เรียนรู้การควบคุมพลังเวทย์มาก่อนแล้ว เมื่อตอนเรียนศาสตร์แห่งเวทย์เบื้องต้นกันแล้วถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น วันนี้เราจะเริ่มจากบทที่ 1 กัน ซึ่งมีชื่อว่า...ศึกแย่งข้าวหมา" หลังเอนเดเมี่ยนกล่าวจบ เมจขั้นต้นทุกคนที่อยู่ตรงนั้น พากันร้องออกมาเป็นคำๆ เดียวกัน "หา!!.........." เอนเดเมี่ยนเพียงยิ้มตอบรับ อย่างบอกได้คำเดียวว่า มีเรื่องสนุกๆ แน่ๆ อย่าได้กระพริบตาเชียวหละ มะ...มันอะไรกันไอ้ บทเรียนนี่ ทำไมต้องแย่งข้าวหมา แล้วทำไมต้องเป็นหมาด้วยเนี่ย....หมาพันธุ์อะไร ลูกหมาหรือเปล่า หรือว่าเป็นพ่อหมา หรือว่าเป็นแม่หมา เมจขั้นต้นหอไกอา และหอไดอาน่าต่างพากันครุ่นคิดอย่างหนัก กับบทเรียนที่ 1 นี้ ท่านผู้อ่านก็สงสัยใช่ไหมหละ ว่ามันยังไงกัน ไอ้ศึกแย่งข้าวหมาอะไรเนี่ย ไปฟังเอนเดเมี่ยนอธิบายกัน "อ้าวๆ เงียบหน่อย จะอธิบายให้ฟังสั้นๆ ให้เข้าใจกันนะ บทเรียนนี้ไม่มีอะไรมาก ตรงตามชื่อเด๊ะ ก่อนอื่นให้แบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน จะปนหอกันก็ได้ไม่มีปัญหา ต่อจากนั้นก็เข้าไปในนี้... " วิ้งๆ ตึง!!...จู่ ๆ ประตูก็หล่นลงมาจากไหนก็ไม่รู้ เป็นประตูที่มีโซ่ล่ามอย่างแน่นหนา เหมือนกับว่ามีไว้เพื่อกักขังอะไรบางอย่าง แน่นอนว่ามันต้องไม่ใช่อะไรอย่างแมวคิดตี้ หรือหมีพลู และผองเพื่อนอย่างแน่นอน (ไหงไปเอาของมีลิขสิทธิ์มาเอ่ย เดี๋ยวก็โดนฟ้องหรอก) "หลังประตูบานนี้ที่ผนึกเอาไว้ มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังนอนรอพวกเธออยู่ มันมีชื่อว่า เคอร์เบรอส มันเป็นหมาที่สุดแสนจะน่ารัก น่าเอ็นดู พวกเธอจะต้องชอบมันอย่างแน่นอนทีเดียวเชียว กติกาก็แสนจะง๊ายง่าย เพียงแค่พวกเธอไปเอาข้าวของมันมา ไม่จำกัดว่า ต้องเอามาเท่าไหร่ แค่นั้นแหละ เข้าใจนะ" เหอะ เหอะ ไม่เข้าใจก็ต้องเข้าใจแหละฟะ ไปเอาจานข้าวของหมาใช่ไหม แค่นี้จิ๊บๆ โด่ "ถ้างั้นก็ แบ่งกลุ่มกันได้" เอนเดเมี่ยนกล่าวปุ๊บทุกคนก็แบ่งกลุ่มกันปั๊บ "กลุ่มใครจะไปกลุ่มแรก" เอนเดเมี่ยนถาม "คร๊าบกลุ่มผมคร๊าบ ท่านแมจิก" มีเมจขั้นต้นกลุ่มหนึ่งยกมือ เป็นกลุ่มจากหอไกอา "โห้...เยี่ยมมาก ต้องอย่างนี้สิ เราต้องแสดงความกล้าออกมา" เอนเดเมี่ยนกล่าวชม "ถ้างั้นก็เตรียมพร้อมนะ.....ข้าผู้กุมกุญแจแห่งกาลเวลา ขออาจเอื้อมปลดพันธนาการ โซ่ปีศาจน้ำแข็ง..." เอนเดเมี่ยนร่ายเวทย์หวังปลดผนึกที่กักอยู่ ทันใดนั้นไม้เท้าด้ามยาวที่ดูเหมือนน้ำแข็งก็โผล่ออกมา มันลอยอยู่เหนือพื้น ที่หัวกับปลายของมันดูเหมือนจะเป็นกุญแจ... มันเป็นกุญแจน้ำแข็ง ขนาดใหญ่ยักษ์ เอนเดเมี่ยนหยิบมัน ก่อนที่จะฟันไปที่โซ่ที่ตรึงประตูนั้นอยู่ แก๊งค์!!.....เพียงแค่ครั้งเดียวโซ่ก็สลายไป ประตูตรงหน้าค่อยๆ เปิดออก ภายในประตูบานนั้นกลับเป็น สีขาวที่ว่างเปล่า มองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว "เข้าไปได้..." เอนเดเมี่ยนกล่าวแก่ผู้ที่อาสาเข้าไปเป็นกลุ่มแรก แล้วพวกเขาก็เข้าไป หายเข้าไปในสีขาวๆ นั่น ค่อยๆ หายไปทีละคน สองคน และหายไปจนหมด แต่ยังไม่ทันถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ ก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น "เฮ้ย ๆ ๆ ๆ ๆ เหวอ ๆ ๆ ๆ ว๊าก........." เสียงร้องดังระงมไปหมด มันเป็นเสียงของคนทั้ง 3 ที่เพิ่งเข้าไปได้ไม่นาน และแล้วคนนอกประตูก็ได้เห็นเงาตะคุ่ม ตะคุ่ม วิ่งมาทางประตูนี้ "แว๊กๆ ไม่เอาแล้ว เผ่นโว้ย....." พอสิ้นเสียงๆ นี้ คนที่รออยู่นอกบานประตูก็ได้เห็นสภาพของคน 3 คนที่ไม่เหมือนตอนที่เข้าไป ก่อนหน้านี้สภาพดูดีกว่านี้ แต่บัดนี้กลับกลายเป็นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ขาดๆ แหว่งๆ บางคนเผยให้เห็นแก้มก้น บางคนต้องถอดเสื้อมาปิดตรงเป้ากางเกง ดูไม่ได้กันเลยทีเดียว "ไวกว่าที่คิดนะ....สภาพดูไม่จืดเลยนี่" เอนเดเมี่ยนอยากจะขำ แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปร่ายเวทย์ฟื้นคืนสภาพ ซึ่งทำให้ เสื้อผ้าของเมจขั้นต้นทั้ง 3 กลับมาดีอย่างเดิม "เป็นไงมีอะไรจะเล่าให้เพื่อนๆ ฟังบ้าง" เอนเดเมี่ยนถามทั้ง 3 แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือความเงียบ และการส่ายหัวเบาๆ ของทั้ง 3 "เอาล่ะ...แบบนี้คงไม่ได้ข้าวกลับมาสินะ แต่ก็พอรับได้ ถือว่าใจกล้าดี ไปนั่งพักรอได้" เอนเดเมี่ยนเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าต้องทำไม่ได้ เหมือนจะให้ไปเผชิญสิ่งแปลกใหม่ ไปงั้นๆ แหละ "กลุ่มต่อไป...ใคร" เอนเดเมี่ยนถาม ไม่มี....นิ่งสนิท ไม่มีใครยกมือเลยแม้แต่คนเดียว พอเห็นสภาพกลุ่มแรกที่ออกมาแล้ว ใครมันจะไปกล้าเข้ากัน ออกมาเยินซะขนาดนั้น แต่แล้วก็ดันมีคนใจกล้าหน้าหนายกมือขึ้นมาหนึ่งคน คนๆ นั้นก็คือคนที่ชนกับอาร์ดิสนั่นเอง ซึ่งคนๆ นั้นก็อยู่กลุ่มเดียวกับคอร์วีแดด้วย "ครับ กลุ่มผมจะเข้าต่อเองครับ และจะเอาข้าวมาให้ท่านแมจิกอย่างแน่นอน" คนที่ชนกับอาร์ดิสกล่าวพรางยิ้มอย่างมั่นใจ "โห้....ดูท่าทางมั่นใจดีนี่ เซตัส เคยาร์ฟัส" เอนเดเมี่ยนเรียกชื่อคนที่เคยชนกับอาร์ดิส ที่แท้เขาก็ชื่อ เซตัส นี่เอง (http://www.picza.net/uppic/pic/2010_11_01/9ee/9ee14ba6c506cf7882bc22bc9ad0bf89.jpg) (http://www.picza.net/show.php?id=9ee14ba6c506cf7882bc22bc9ad0bf89) "ถ้าพร้อมกันแล้วก็เข้าไปได้เลย" เอนเดเมี่ยนกล่าว "แล้วจะรอดู กลับมาให้ครบส่วน และครบทุกคนล่ะ คอร์วีแด หึหึ" เอนเดเมี่ยนกล่าวต่อก่อนที่คอร์วีแดจะเข้าไป "แน่นอนครับ ท่านแมจิก" คอร์วีแดกล่าวกับเอนเดเมี่ยนก่อนจะก้าวเข้าไปในประตู แต่จู่ๆ ก็หันหลังมา "แล้วข้าจะเอาขนของมันมาฝากเจ้าด้วย....อาร์ดิส" คอร์วีแดหันมาทางอาร์ดิส แล้วพูดเช่นนั้น พร้อมกับส่งยิ้มให้ ก่อนที่จะหันกลับ และเดินลับตาไป วิ้ว~ เสียงผิวปากของเอนเดเมี่ยนเหมือนจะล้อเลียนอาร์ดิส ซึ่งกำลังยืนงงกับคำพูดของคอร์วีแด แต่ก็มีผู้ที่ไม่สบอารมณ์อย่างแรง อยู่เหมือนกัน นั่นก็คือเฮเรียสที่ดูจะทำตาขุ่นๆ แสดงออกถึงความเคืองอยู่ไม่น้อย กับท่าทีของคอร์วีแด ที่ดูเหมือนหนุ่มที่สัญญาจะซื้อ ของขวัญมาฝากสาวหลังจากที่กลับมาจากการเดินทางอย่างไรอย่างนั้น ส่วนเซอเพน เจ้าตัวก็ได้แต่มองดูตาปริบๆ แล้วคิดอยู่ในใจว่า....' นี่มันศึกแย่งข้าวหมา หรือว่าศึกชิงนางกันล่ะเนี่ย แม้ว่ามันจะดูเป็น อย่างหลังเสียมากกว่า ไอ้เราก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ ถ้าเจ้าอาร์ดิสมันเป็นผู้หญิงน่ะ แบบนี้มันเรียกศึกชิงคู่เกย์แล้วโว้ย....มึนตึบ ' ผ่านไป 1 ชั่วโมง "ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ....เยี่ยม" เสียงของเซตัส หัวเราะดังมาก่อนใครเพื่อน และแล้วพวกเขาก็กลับมาพร้อมรอยยิ้ม กลับมาแบบครบคนเสียด้วย แถมไม่มีรอยแผล หรือเสื้อผ้าฉีกขาดแต่ประการใด "โห้....ได้สินะ" เอนเดเมี่ยนถาม ฝ่ายถูกถามก็ตอบด้วยการยื่นมือที่กำข้าวมา 1 กำมือ "เยี่ยมมาก ผ่าน...อย่างไม่ต้องสงสัย" เอนเดเมี่ยนประกาศชัยชนะของกลุ่มที่เพิ่งกลับมา คอร์วีแดพอเห็นว่าไม่มีอะไรแล้วก็เดินมาทางอาร์ดิส แล้วยื่นมือไปจับมืออาร์ดิสขึ้นมา เพื่อให้รับสิ่งที่เขาสัญญาไว้ว่าจะเอามาให้ มันเป็นขนกระจุกหนึ่งที่ดึงมาจากเจ้าตัวที่ชื่อว่า เคอร์เบรอส ขนสีดำสนิทนั้นตอนนี้อยู่ในมือของอาร์ดิสแล้ว "ขอบใจ...แล้วข้าจะเอาของฝากมาฝากเจ้าบ้าง" อาร์ดิสตอบรับก่อนที่จะหันไปทางเฮเรียส และเซอเพน "พร้อมกันหรือยังพวกเจ้า..." อาร์ดิส ถามเฮเรียส และเซอเพน "เหลือจะพร้อม" เฮเรียสตอบอย่างไม่มีความหวั่นเกรงว่าจะต้องไปเจอกับอะไรในนั้น "ข้ารอคำนี้อยู่นานแล้ว..." เซอเพนตอบรับอาร์ดิสตามหลังเฮเรียส อาร์ดิสหันไปมองทางเอนเดเมี่ยน "กลุ่มข้า จะเป็นกลุ่มต่อไป ท่านแมจิก" อาร์ดิสกล่าวแก่เอนเดเมี่ยน ด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น "ทันที่ที่พวกเจ้าพร้อม..." เอนเดเมี่ยนตอบรับทันควัน "มันจะไปยากเย็นอะไร กะอีแค่แย่งข้าวหมาตัวนึ..." เซอเพนหยุดบ่นกระทันหัน เมื่อรู้สึกได้ว่าชนกับอะไรบางอย่างที่ปุยๆ นุ่มๆ อุ่นๆ ไม่ใช่ต้นไม้แน่ๆ ต้นไม้บ้าอะไรมันจะมีใบเรียวๆ สีดำๆ แบบนี้ ไม่ใช่หินผาด้วย เพราะไม่มีทางที่หินจะเป็นปุยนุ่มๆ ที่สำคัญต้นไม้ หรือหินที่ไหนมันจะมีไออุ่นขนาดนี้ "เซอเพน เจ้าอย่าได้ขยับแม้แต่นิดเดียว" อาร์ดิสรีบเตือนหลังจากที่เดินเข้ามาในประตูได้พักหนึ่ง แล้วเพื่อนตัวดีนี่ก็บ่นมาตลอดทาง แต่จู่ๆ เสียงพรึมพรำของมันก็หยุดไป พอหันมาดูทางมันก็เจอกับภาพตรงหน้าเช่นนี้เสียแล้ว "อะ...อะไร อะไรอาร์ดิส" เซอเพนเริ่มใจเสียขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าไอ้ที่เขาชนอยู่นี่มันคืออะไร อาร์ดิสถึงได้สั่งไม่ให้ขยับขนาดนั้น "ก็ไอ้ที่เจ้าว่าไง...กะอีแค่หมาตัวหนึ่งหนะ" เฮเรียสเปรยออกมาแบบหน้านิ่งๆ แต่จู่ๆ ก็ยิ้มที่มุมปากอย่างกับจะบอกว่า งานเข้าแล้วเพื่อนเอ๋ย "หะ....ห๊า!!!....ระ..หรือว่า..." เซอเพนยิ่งหวั่นวิตกเข้าไปอีก แต่ก็ไม่อยากจะคิดให้มันเลวร้ายไปกว่านี้ และไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้ที่เขาชนเนี่ย มันจะเป็น....ไอ้นั่น "อย่างที่เจ้าคิดหนะแหละเซอเพน ก็แค่หมาตัวหนึ่ง...ที่ตัวใหญ่กว่าปกติเท่านั้นเอง" อาร์ดิสย้ำต่อจากเฮเรียส "ที่ว่าใหญ่หนะ....มันแค่ไหนกันหะ...หา....อาร์ดิส" เซอเพนพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ซ้ำยังพูดตะกุกตะกัก "โอ้...โฮะ โฮะ เจ้าต้องไม่เชื่อแน่เซอเพน ก่อนหน้านี้เจ้าเห็นเขาเป็นทิวทัศน์ตรงหน้าไหมหละ ตอนนี้หนะเจ้าจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว" เฮเรียสกล่าวปนหัวเราะนิดๆ แต่น่าจะเป็นการหัวเราะเพื่อให้เพื่อนตรงหน้าใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่มันไม่ใช่เช่นนั้นเลยสักนิด ลองคิดดูสิว่าถ้าเราไปอยู่ตรงที่เดียวกับที่เซอเพนยืนอยู่ แล้วมีหมาตัวบักเอ้กอยู่ข้างๆ ที่สำคัญมันไม่ใช่ หมาเราเนี่ยสิ เป็นคุณ คุณจะทำยังไง สำหรับเซอเพนแล้วเค้าเลือกที่จะ.... "มะ...ไม่อยู่แล้วโว้ย......" เซอเพนเลือกที่จะเผ่น ใครจะไปอยู่ตรงนั้นให้โง่ มีหวังได้กลายเป็นเศษซาก หรือขนมขบเคี้ยวของเจ้าหมาน้อย(เมื่อนานมาแล้ว) แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ขาเจ้ากรรมดันวิ่งไม่ออก ตัวท่อนบนขยับแต่ขาไม่ไป "ว๊าก...." สมองของเซอเพนสั่งการให้วิ่ง แต่ขามันไม่ทำตาม "จะ...เจ้าบ้า จะวิ่งก็รีบวิ่งสิ...." อาร์ดิสเริ่มรนรานบ้าง เพราะกลัวว่าเจ้าตูบที่ดูท่าว่าน่าจะหลับอยู่นั้นมันจะตื่นขึ้นมา สิ่งที่อาร์ดิสเป็นกังวล ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว เมื่อสิ่งที่นอนสงบนิ่งค่อยๆขยับหัวของมัน พร้อมกับการลืมตาตื่น แต่ว่านะ ไอ้ที่ตามี 3 ตาเนี่ยไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่หันหัวมาแล้วยังมีอีก 2 หัวเนี่ยซี้ รับไม่ได้.... "เซอเพน ขืนเจ้ายังทำอะไรเล่นๆ อยู่ ข้าไม่รับประกันนะ" เฮเรียสกล่าวต่อเซอเพนที่กำลังทำท่าเหมือนวิ่ง แต่ดูยังไงก็คือการ วิ่งแต่ท่อนบน ท่อนล่างไม่ขยับ "ขะ...ข้าไม่ได้เล่นนะโว้ย แต่ขาข้ามันขยับไม่ได้ โว้ย....วิ่งเซ้ ขาข้าขยับเซ้..." เซอเพนรู้สึกอยากจะตัดขาตัวเองทิ้งซะจริงๆ ตอนนี้ แล้วเปลี่ยนเป็นใส่ล้อแทน "มันไม่ใช่เวลามาเล่นนะเซอเพน เจ้าต้องวิ่งออกมาจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้" อาร์ดิสเริ่มจะกึ่งพูดกึ่งตะโกน "ขะ ข้าก็กำลัง.....วะ....ว๊าก!!!......" เซอเพนหวีดทันที เมื่อมีเงาบางอย่างทาบบดบังแสงที่ตอนแรกดูจะสว่าง และเมื่อแหงนหน้าขึ้นไปดู ก็ต้องพบกับอุ้งตีนขนาดมหึมา ที่กำลังจะเคลื่อนตัวลงมา ณ ที่ๆ เขายืนอยู่ "ว๊ากก!!!" ตึง....... เสียงฝีเท้ากระทืบพื้นดินเหมือนกับในหนังเวลาก๊อซซิล่าเดินไม่มีผิดเพี้ยน คนที่โดนเช่นนี้คงจะแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี ไม่มีทางรอด ขอไว้อาลัยให้แก่การจากไปของ....เซอเพน เอสเธอร์ หนุ่มรูปงาม แม้ว่าฝีปากจะออกไปทางลามปาม แต่เขาก็ได้ตายอย่างสมเกียรติ ด้วยว่าเขาได้จบชีวิตในการปฏิบัติภารกิจที่ แมจิกได้มอบหมาย โดยมิได้หันหลังให้เป้าหมายของภารกิจเลยแม้แต่น้อย (หันตั้งแต่ยังไม่เห็นเลยไม่ใช่เหรอไง) ---------------------------จบ ตอนที่ 7 (ตอนกลาง)--------------------------- รบกวนช่วยติ ชม ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ ---------------------------จากใจผู้เขียน--------------------------- |