:: Mayonnaise-Club V.2 :: แล้วเราจะก้าวไปด้วยกัน

.:: Relax Club ::. => Lunalight Of Fiarapella => ข้อความที่เริ่มโดย: •♫♪มู๋nsะต่าe♫♪• ที่ พฤศจิกายน 12, 2553, 11:11:55 AM



หัวข้อ: ตอนที่ 1 บ้านและครอบครัวอันแสนอบอุ่น (ตอนกลาง)
เริ่มหัวข้อโดย: •♫♪มู๋nsะต่าe♫♪• ที่ พฤศจิกายน 12, 2553, 11:11:55 AM
ตอนที่ 1 บ้านและครอบครัวอันแสงอบอุ่น (ตอนกลาง)



          ในมือของป้าเนปถือจดหมายฉบับนั้นไว้ แต่ขอบซองจดหมายสั่นไหวเบาๆ ตามมือของป้าเนปที่สั่นด้วยความวิตกกังวล
และหวาดกลัวต่อเรื่องที่จะต้องเปิดเผยความจริงให้หลานสาวของตนได้รับรู้ทั้งหมด

          ป้าเนปยืนนิ่งอยู่หน้าประตูนานพักใหญ่ จนกระทั่งลุงซิกเห็นป้าเนป ลุงซิกเรียกป้าเนป ป้าแกก็ไม่หันมา หรือแม้แต่ขานตอบ
สักนิดก็หามีไม่ ลุงซิกชักสีหน้าไม่ดี รีบเดินดิ่งมาหาป้าเนป สัมผัสที่บ่าของป้าเนปเบาๆ

         (ข้อความในคำพูดถัดไปนี้ โปรดอ่านด้วยสำเนียงเสียงหล่อ)

           "เนป...ที่รัก....เธอเป็นอะไร โปรดตอบฉันด้วย ฉันเป็นห่วงนะ เห็นเธอเงียบเช่นนี้ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่า เธอเป็นอะไร
หรือมีคนมาทำอะไรไม่ดีกับเธอ...ที่รัก"

          (พักหายใจนิดนึง...ฮึบ...ฮ่า)

          ลุงซิก เหลือบไปเห็นซองสีเหลืองนวล มีตราประทับของราชสำนัก ลุงซิกเริ่มเหงื่อซึมที่หน้าผาก ลุงค่อยๆ ยื่นมือไปหยิบ
ซองนั้นจากมือป้าเนปช้าๆ แล้วค่อยๆ หมุนดูหลังซองจดหมายนั้น ด้วยความหวั่นอยู่ลึกๆ ในใจ แต่ก็อยากรู้ว่าสิ่งนี้มีมาถึงผู้ใด...
ลูน่า ไลท์ นั่นคือชื่อผู้รับจดหมายฉบับนี้ เมื่อลุงซิกเห็นดังนั้น ก็เบิกตากว้างชั่วครู่ และค่อย ๆ กลับสู่ปกติ แต่ใบหน้าของลุงแสดงถึง
ความเจ็บปวดลึกๆ และเศร้าเกินจะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดใดๆ เวลานั้นได้มาถึงแล้ว

          (พร้อมจะหล่ออีกรอบหรือยัง วัน เดือน ปี ลุย)

          "ผ่านมากี่ปีกันแล้วนะเนป...เราสองคนเลี้ยงดูเธอมากี่ปีกันแล้วนะ"

          (โปรดหยุดความหล่อไว้แค่นี้ ขอบคุณค่ะ สำหรับความร่วมมือ) (*สำหรับผู้ที่ไม่ยอมทำ หรืออายที่จะทำ โปรดหัวเราะ 10 ครั้ง)


          (และเมื่อหัวเราะครบ 10 ครั้งแล้ว...ก็ไม่มีอะไร คุณท่าทางจะเป็นคนที่ เชื่อคนง่ายนะ เอิ้กๆ แต่ก็ขอขอบคุณในความร่วมมือค่ะ
กลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า ชักนอกเรื่องและ)

          "ฮึก...ฮึก...10 กว่าปีแล้วค่ะที่รัก" เสียงสะอื้นแผ่วๆ พร้อมให้คำตอบแก่ผู้เป็นสามีของป้าเนป

          "ถึงเวลา...ต้องร่ำลากันแล้วสินะ หลานรักของลุง"

          เสียงเปิดประตูบ้าน ทำให้ผู้เป็นลุง และป้าสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่จะทำตัวให้ดูเป็นปกติ ด้วยการส่งยิ้มซึ่ง ซุกซ่อนความ
เศร้าเอาไว้ภายใน แก่ผู้ที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน

          "กลับมาแล้วค่ะ ลุงซิก ป้าเนป...ฟอด....ฟอด" หญิงสาวพูดพร้อมเข้าไปหอมแก้มผู้เป็นลุง และป้าอย่างที่เคยทำมา

          "ลูน่า...หลานรัก วันนี้ป้า กับลุง ตัดสินใจที่จะเล่าในสิ่งที่หลานอยากฟังมาโดยตลอด"

          คำพูดของป้าเนปทำให้ลูน่ารู้สึกสนใจอย่างมาก และรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักว่า ป้ากับลุงจะบอกอะไรกับเธอ สิ่งที่เธออยากรู้
มาตลอด ไม่เคยมีสิ่งใด นอกเสียจาก อยากรู้ว่าคุณพ่อ และคุณแม่ของเธอคือใคร และเหตุใดท่านทั้ง 2 จึงต้องจากเธอไปเสีย
ก่อนที่จะให้เธอได้พบหน้า

          "มันถึงเวลาแล้วที่หลานจำต้องรู้เรื่องราวทั้งหมด หลานรัก...ลุงกับป้ามิเคยคิดจะทำให้หลานต้องเจ็บปวด แต่หลาน
จำต้องฟังเรื่องราวทั้งหมด มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อในอดีต เป็นความผิดพลาดที่ใหญ่ยิ่งนัก และมันเป็นความผิดพลาดที่
มิอาจได้รับการอภัย ลุงกับป้ามิหวังว่าหลานจะให้อภัย แต่ต่อให้หลานฟังเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้ว เกลียดชังลุงกับป้าเช่นไร แต่จง
รู้ไว้เถิดว่า เราจะยังคงรักหลานเช่นเดิม มิมีวันเปลี่ยนแปลง มิมีวันลดลง"

          จากความรู้สึกสนใจ และตื่นเต้นที่มีในตอนแรกของลูน่า กลับกลายเป็นความรู้สึกสับสน ไม่เข้าใจ ทำไม...ทำไมลุงกับป้า
ของเธอถึงพูดเช่นนั้น เรื่องราวที่จะบอกนั้นมันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ในอดีตเคยเกิดเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นหรือ แล้วเรื่องเหล่านั้นมัน
มามีส่วนเกี่ยวข้องกับเธออย่างไร ทำไมเธอจึงต้องโกรธเคืองท่านทั้ง 2 ด้วยเล่า มันทำให้อยากรู้ แต่ก็หวั่นเกรงอยู่เหมือนกัน

          "อะไรกันค่ะ ทำไมลุงซิก กับป้าเนปพูดเช่นนั้น ในอดีตมันเคยเกิดเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือค่ะ"

          "อืม....ย้อนกลับไปในสมัยที่ ลุงกับป้า ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว พวกเราทั้งสองเป็นหนึ่งในสังกัดที่ขึ้นตรงต่อองค์ราชา
ได้รับการขนานนามว่า 7 โล่พิทักษ์ราชันย์ ซึ่งก็คือจอมเวทย์ 7 คน ที่คอยอยู่เคียงข้างองค์ราชา เป็นผู้คุ้มกัน ปกป้อง และต่อสู้
เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์ราชา ซึ่งจอมเวทย์แต่ละคน ต่างก็มีความสามารถต่างกันออกไป

          คนแรก จอมเวทย์โลกันต์ เปรียบเสมือนโล่แห่งไฟ สัญลักษณ์ก็คือโล่สีแดง

          คนที่สอง จอมเวทย์วารี เปรียบเสมือนโล่แห่งน้ำ สัญลักษณ์ก็คือโล่สีน้ำเงิน

(http://www.upfile2day.com/uploads/1289561782.jpg)


          คนที่สาม จอมเวทย์ธรณี เปรียบเสมือนโล่แห่งดิน สัญลักษณ์คือโล่สีน้ำตาล

          คนที่สี่ จอมเวทย์วายุ เปรียบเสมือนโล่แห่งลม สัญลักษณ์คือโล่สีเงิน

          คนที่ห้า จอมเวทย์พฤกษา เปรียบเสมือนโล่แห่งไม้ สัญลักษณ์คือโล่สีเขียว

(http://www.upfile2day.com/uploads/1289608147.jpg)

          คนที่หก จอมเวทย์คริสตัล เปรียบเสมือนโล่แห่งน้ำแข็ง สัญลักษณ์คือโล่สีขาว

          และจอมเวทย์คนสุดท้าย จอมเวทย์ราตรี เปรียบเสมือนโล่แห่งความมืด สัญลักษณ์โล่สีดำ

          ลุงคือจอมเวทย์พฤกษา ส่วนป้าของหลานคือจอมเวทย์วารี จอมเวทย์ทั้ง 7 ต่างปรองดองกัน และพึ่งพาอาศัยกัน
ต่างฝ่ายต่างเกื้อหนุนกัน และด้วยความสามัคคีนั่นล่ะ ที่ทำให้พวกเราทั้ง 7 ยิ่งแข็งแกร่ง มิมีผู้ใดสามารถโค่นล้มได้
และองค์ราชามิทรงได้รับบาดเจ็บแม้เพียงครั้ง

          แต่...ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า เพื่อนพ้องที่ไว้ใจกันมา จะกระทำการหักหลังกันได้ เพียงเพื่อหวังเป็นใหญ่ และต้อง
การยึดครองอำนาจขององค์ราชา ซึ่งเหตุการณ์การชิงเก้าอี้ผู้ครองนคร มันประจวบเหมาะกับ การตั้งครรภ์ขององค์ราชินี
รัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวผู้ที่จะมาสืบทอดเชื้อสายของราชวงศ์ ผู้ที่จะได้รับถ่ายทอดอำนาจ และราชบัลลังก์ แต่มิมีใคร
ล่วงรู้นอกจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ว่ารัชทายาทองค์นั้น มิใช่องค์ชาย แต่กลับเป็นองค์หญิง และองค์หญิงได้รับการ
คุ้มครองเป็นอย่างดี องค์หญิงได้ถูกส่งตัวไปยั่งที่ๆ ปลอดภัย

          ก่อนที่ผู้รับบัญชาจะพาองค์หญิงเสด็จหนีออกจากพระราชวัง องค์ราชินีได้กล่าวว่า ที่ๆ อันตรายที่สุดคือที่ๆ
ปลอดภัยที่สุด ผู้ถูกบัญชา จึงมิได้นำองค์หญิงเสด็จหนีไปประทับที่เมืองอื่น เนื่องด้วยองค์หญิงยังทรงเป็นพระเยาว์นัก
ยังมิได้ทรงทอดพระเนตรด้วยซ้ำ

          สถานที่ ๆ ผู้รับบัญชาเลือกคือ บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังมากนัก ตั้งอยู่ ณ ส่วนหนึ่งของป่า เป็นไปตามที่องค์
ราชินีทรงตรัส ไม่มีทหาร ไม่มีผู้ตามล่า ที่มาค้นหาในป่าแห่งนี้ องค์หญิงทรงเติบโตโดยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด
ซึ่งบัดนี้องค์หญิงพระองค์นั้น ก็ทรงอยู่เบื้องหน้าพวกเราแล้ว"

          ลูน่าได้แต่ยืนอึ้ง เหมือนเธอยืนอยู่ที่โล่งแจ้ง แล้วโดนสายฟ้าผ่าลงมาถูกตัวเอง มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ
ความจริงที่ปรากฎออกมา เธอมิใช่หญิงสาวชาวบ้าน เธอคือองค์หญิงอย่างนั้นหรือ นอกจากเป็นองค์หญิงแล้ว คุณพ่อของ
เธอยังเป็นถึงองค์ราชาแห่งมหานครเฟียราเพลล่า คุณแม่ของเธอก็เป็นถึงองค์ราชินีแห่งมหานครเฟียราเพลล่าเช่นกัน
ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าเสด็จพ่อ เสด็จแม่ นี่มันอะไรกันเนี่ย...

          ความเงียบงันเกาะกุมหัวใจของทั้ง 3 แต่ยังมีอีกสิ่งที่ลุงซิกยังมิได้เล่าให้เธอฟัง นั่นคือเสด็จพ่อ และเสด็จแม่ของ
เธอสิ้นพระชนม์ด้วยเหตุอันใด เมื่อคิดได้ดังนั้น

          "ละ...ลุงซิกค่ะ ละ...แล้วเสด็จพ่อ กับเสด็จแม่ของหนู....หลังจากที่ลุงกับป้าพาหนูหนีมา แล้วเสด็จพ่อ กับเสด็จ
แม่หละคะ เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นค่ะลุง"

          เสียงที่บ่งบอกว่าลูน่าอยากรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ก็หวาดหวั่นอยู่เช่นกัน หวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดในอดีต อะไรที่พลาก
เสด็จพ่อ เสด็จแม่ของเธอไป อะไรที่ทำให้เธอกลายเป็นเด็กกำพร้า เธอยังจดจำมันได้ เมื่อครั้งเป็นเด็ก เธอถูกเพื่อนๆ
บางคนล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ไม่มีแม่

          "ลูน่า...เธอมันลูกไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ เธอเกิดมาจากต้นไม้อย่างนั้นเหรอ 5555" เสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากเพื่อนๆ
นั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

          การที่เลิกเรียนแล้วแต่ไม่มีพ่อ กับแม่มารับ การที่ต้องเดินกลับบ้านเพียงลำพัง มันช่างรู้สึกโดดเดี่ยว และว้าเหว่
ไม่มีใครรู้ และแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยได้รู้ว่า พ่อกับแม่ของเธอคือใคร รู้จากปากของลุงซิกเท่านั้นว่าท่านได้จากไปในที่ๆ
แสนไกล ไม่อาจพบกันได้อีก และไม่มีวันที่จะได้โอบกอดกัน

          วันนั้นเธอยังจำมิเคยลืมเลือน วันที่เธอกลับถึงบ้าน เมื่อเห็นป้าเนป ที่กำลังยืนรออยู่หน้าประตูบ้าน ส่งรอยยิ้มให้เธอ
เป็นการต้อนรับการกลับบ้าน เธอหยุดยืนได้ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งเข้าไปสวมกอดป้าเนป น้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน พร่างพรู
อาบสองแก้มของเธอ ป้าเนปทำให้เธอคิดได้ แม้ว่าเธอจะไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ แต่เธอก็ยังมีลุงซิก และป้าเนป ผู้ใจดี อ่อนโยน
คอยดูแลเธอมาตลอด นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจำได้

          ลุงซิกเริ่มเล่าต่อไปอีก

          "องค์ราชา ท่านมีความปรีชาสามารถ เทียบได้ว่า ไม่มีมหานครแห่งใดที่จะมีผู้ครองนครที่เพียบพร้อมได้เช่นนี้

(http://www.upfile2day.com/uploads/1289564701.jpg)

          แต่ไม่นึกเลยว่าผู้ที่พระองค์ทรงไว้ใจ ผู้ที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา จะทำลายซึ่งความสัมพันธ์อันยาวนาน
เพียงเพื่อคำๆ เดียว อำนาจ หลานจงจดจำไว้ให้ดีผู้ที่สังหารองค์ราชา และองค์ราชินี เป็นหนึ่งใน 7 โล่พิทักษ์ราชันย์
ผู้ได้สมญานามว่า จอมเวทย์ราตรี จอมเวทย์แห่งความมืด"

          เสียงของลุงซิกตอนนี้เผยความเจ็บแค้น เจ็บใจ และเจ็บปวดที่อยู่ในก้นบึ้งมานานแสนนาน หากสักครู่ก็กลับมา
ฉายแววเศร้าอยู่ในดวงตา

          "และเพราะลุงเอง ที่ไม่อาจปกป้ององค์ราชา ไม่อาจคุ้มครององค์ราชินี่ เป็นเพราะลุงเองที่ไร้ซึ่งความสามารถ..."

          "ไม่....ไม่ค่ะที่รัก คุณไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเพียงคนเดียว พวกเราทุกคนล้วนแต่พยายามต่อต้านพลังแห่งความมืด
ของเขา แต่สิ่งที่เราลืมไป คือ ความมืด จะเกาะกุมทุกสิ่งทุกอย่าง ดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรต้านทานมันได้ นอกจาก...."

          ป้าเนปพูดด้วยความรู้สึกที่ไม่ต้องการให้ลุงซิกรับความผิดพลาดนี้ไปแต่เพียงผู้เดียว เธอเองก็ผิดพลาดเช่นกัน
และรวมถึงจอมเวทย์คนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

          ป้าเนปเอ่ยต่อไปอีก

          "ผู้ที่สามารถต้านทานความมืดได้ จำต้องเป็นผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับความมืด สิ่งที่ต้านทานมันได้มีเพียงสิ่งเดียว สิ่งๆ นั้นคือ
ความสว่าง มีเพียงผู้ที่ถูกเลือกเท่านั้นที่สามารถครอบครองเวทย์แห่งแสง น้อยคนนักที่จะครอบครองเวทย์แห่งแสงนี้ได้
ในมหานครเฟียราเพลล่านี้มีเพียงบุคคลเดียวเท่านั้นที่ครอบครองมัน...องค์ราชินีเซเรน่า ไลท์ แชนดร้า มีพระนางเพียงผู้เดียว
ที่เป็นจอมเวทย์แห่งแสง"

(http://www.upfile2day.com/uploads/1289552146.jpg)


          เมื่อถึงจุดๆ นี้ป้าเนปหันหน้ามาที่ลูน่า พร้อมรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน บวกกับความภาคภูมิใจที่จะพูดต่อไป

          "พระนางก็คือเสด็จแม่ของหลาน...ลูน่า"

          เมื่อลูน่าได้ยินที่ป้าเนปเอ่ย ก็อมยิ้มด้วยความปราบปลื้มปิติยินดี ที่ได้รับรู้ว่า เสด็จแม่ของเธอช่างเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่
เปี่ยมไปด้วยความสามารถนัก และนั่นทำให้เธอรู้อีกว่านั่นคือเสด็จแม่ของเธอจริงๆ เพราะตัวของลูน่าเองก็มีความสามารถ
และมีเวทย์ธาตุเช่นเดียวกับเสด็จแม่ของเธอ ใช่แล้ว...เวทย์ที่เธอโปรดปราน และถนัดที่สุดคือเวทย์แห่งแสงนั่นเอง

          แรกเริ่มเดิมที่ก่อนที่จะได้ยินป้าเนปพูดเช่นนี้ เธอคิดว่า ตัวเธอไม่เหมือนกับเพื่อนๆ ตรงที่ ไม่ค่อยมีความสามารถ
ในการใช้เวทย์ธาตุอื่นๆ เอาซะเลย แต่มาวันนี้เธอจะต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะการที่เป็นเช่นนั้น มิใช่ว่าเธอไม่คู่ควร
ที่จะเป็นจอมเวทย์ แต่มันคือจุดเริ่มต้นของผู้ที่จะเป็นจอมเวทย์แห่งแสงในภายภาคหน้าต่างหาก

          ป้าเนปยังคงกล่าวต่ออีก

          ด้วยเหตุนั้นเอง ทำให้พระนางทรงถูกโคลว์หมายปอง โคลว์ ดาร์คชาโดว์ ฉายาอีกาเงาทมิฬ จอมเวทย์แห่งความมืด
ป้ามั่นใจว่าสิ่งที่เขาทำทั้งหมดนี้ ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อต้องการอำนาจเท่านั้น ป้ายังจำได้ถึงสายตาของเขา โดยปกติเขามิเคย
เหลียวมองหญิงใด สายตาที่ดูเย็นชานั่น สายตานั้นนิ่งอยู่ตลอดเวลามิเคยสั่นไหว

          แต่เมื่อสายตาคู่นั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าของ องค์ราชินี เซเรน่า ไลท์ แชนดร้า สายตาที่เคยนิ่งเฉยมันกลับกลายเป็นสายตา
ที่แฝงไว้ด้วยความปรารถนา ป้ามิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ให้ผู้ใดล่วงรู้ มันจึงเป็นความผิดของป้า ที่มิได้บอกกล่าวแก่จอมเวทย์ทุกคน หรือ
แม้แต่เข้าเฝ้าทูลองค์ราชา

          เรื่องทั้งหมดต่อจากนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเรามิอาจหยุดยั้งความกระหายของโคลว์ได้ ในที่สุดองค์ราชินีจึงต้อง
ตกอยู่ในอันตราย พระนางมิได้ปกป้องตัวเองแต่อย่างใด แต่สิ่งที่พระนางเลือกที่จะปกป้องคือองค์ราชา เพื่อมิให้สูญเสียผู้ครองนคร
เพื่อประชาชนทุกผู้ทุกนามที่ดำรงชีวิตอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้ เพื่อมหานครเฟียราเพลล่าแห่งนี้จะได้ไม่ล่มสลาย และเพื่อปกป้อง
รัชทายาทเพียงคนเดียวขององค์ราชา บุตรีเพียงหนึ่งเดียวของพระนาง ซึ่งก็คือหลานยังไงหละลูน่า พระนางทรงมิยอมตกอยู่ใต้
อำนาจของความมืด ที่แผ่กระจายปกคลุมมหานครแห่งนี้

          พระนางเลือกที่จะสละพระชนม์ชีพของพระนาง เพื่อขับไล่ความมืด คำสาปทั้งหมดทั้งปวง ให้จางหายไปด้วยแสงสว่าง
พระนางตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับโคลว์ ผู้เป็นต้นกำเนิดของเหตุการณ์ทั้งหมด  


---------------------------จบตอนที่ 1 (ตอนกลาง)---------------------------

ติ ชม แนะนำกันได้ เช่นเคยค่ะ (ถ้าเอาตอนที่ 1 มารวมกันมันจะยาวขนาดไหน...หึหึ นี่ยังเหลืออีกช็อตนะเนี่ย  ;D )

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้

ขอขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ ที่ทำให้มีภาพนำมาประกอบนิยายค่ะ

---------------------------จากใจ ผู้เขียน---------------------------



หัวข้อ: Re: ตอนที่ 1 บ้านและครอบครัวอันแสนอบอุ่น (ตอนกลาง)
เริ่มหัวข้อโดย: ◄♥¶ßîrж♥► ที่ พฤศจิกายน 14, 2553, 01:23:30 AM
จินตนาการกว้างไกลดีจริงๆ


หัวข้อ: Re: ตอนที่ 1 บ้านและครอบครัวอันแสนอบอุ่น (ตอนกลาง)
เริ่มหัวข้อโดย: unclekai-1 ที่ พฤศจิกายน 14, 2553, 02:12:14 PM
ติดตามอยู่เหมือนกันนะครับ.. ;) ;)